จากกรณีที่เมื่อวานนี้ 22 มีนาคม 64 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ หลานชายของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงถึงกระแสข่าวว่า ตนเตรียมเข้าร่วมงานกับพรรคก้าวไกล
โดยระบุว่า
“ตามกระแสข่าวที่ออกมา ผมขอชี้แจงว่าได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับพรรคก้าวไกลจริง เนื่องจากมีจุดยืนและอุดมการณ์ทางการเมือง-เศรษฐกิจ-สังคม คล้ายกัน และที่ผ่านมา ได้ร่วมงานกับพรรคในกิจกรรมต่างๆ เช่น การรณรงค์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องนโยบายที่พรรคเชิญคนนอกไปร่วมวงคุย และล่าสุดคือการไปบรรยายเรื่องการวิเคราะห์นโยบายที่กิจกรรมพัฒนาบุคลากรของพรรค
ปัจจุบัน งานหลักของผมคือการบริหารสตาร์ทอัพด้านการศึกษา ส่วนบทบาททางการเมืองในฐานะผู้สมัคร ยังคงเป็นเป้าหมายของผมในอนาคต และเมื่อถึงวันนั้น จะแจ้งให้ทราบอย่างชัดเจนครับ”
ขณะ เดียวกัน ทางด้านนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกระแสข่าว นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ ไอติม จะเข้าร่วมกับพรรค ก้าวไกลว่า หลังนายพริษฐ์ลาออกจากสมาชิก ปชป. และกลุ่มนิวเดม ได้ร่วมทำกิจกรรมกับก้าวไกล เพราะมีแนวทางอุดมการณ์หลายอย่างหลายตรงกัน โดยเฉพาะการขับเคลื่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งนายพริษฐ์ตั้งกลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า และร่วมกับ 4 กลุ่มการเมือง ทั้งกลุ่มไอลอว์ คณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกล ตั้งกลุ่มรี-โซลูชั่น เพื่อรณรงค์การแก้ไข เท่าที่ทราบขณะนี้ นายพริษฐ์ ยังไม่ได้ ตัดสินใจจะสมัครเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลหรือไม่ แต่มีแนวโน้ม ซึ่งพรรคกำลังขับเคลื่อน แคมเปญเพื่อเปิดรับสมัครว่าที่ผู้สมัครส.ส. นอกจากนี้พรรคเปิดรับอาสาสมัครที่ต้องการจะมาช่วยงานพรรค โดยนายพริษฐ์เป็นหนึ่งในอาสาสมัครเข้ามาช่วยงาน
ล่าสุด ทาง Matichon Weekly ได้เปิดเผยการสัมภาษณ์ ไอติม หรือ นายพริษฐ์ โดยมีเนื้อหาที่น่าสนใจบางส่วน ที่ทำให้เห็นถึงแนวความคิดทางการเมืองของนายพริษฐ์ โดยช่วงหนึ่งนายพริษฐ์กล่าวว่า
“ก็ต้องเรียนตามตรงว่าที่มีกระแสเรื่องพรรคก้าวไกลออกมา ผมก็มีการพูดคุยกับพรรคก้าวไกลจริงครับ เพราะว่าในบรรดาพรรคที่มีอยู่ในประเทศไทยปัจจุบันผมก็คิดว่าอุดมการณ์ ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ก็คล้ายกับพรรคก้าวไกลที่สุด และทั้งผมและพรรคก้าวไกล ก็ยึดมั่นในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องการร่างฉบับใหม่คล้ายๆกัน
ผมเห็นว่าเป็นพรรคก้าวไกลพรรคเดียวนี่แหละ ที่พยายามยืนยันในการในการร่างฉบับใหม่และแก้ไขมาตราพร้อมกัน จำได้ว่าถ้าพรรคก้าวไกลไม่เป็นคนริเริ่มการยื่นข้อเสนอเรื่องการยกเลิกมาตรา 272 ก็จะมีแต่คนพูดถึงเรื่องตั้ง สสร. การร่างฉบับใหม่ จะจำได้ว่าพอมีการพูดถึงตั้ง สสร. มาแล้ว พรรคก้าวไกลก็เป็นพรรคเดียวที่ยืนยัน ไม่ได้แน่ใจว่ามีพรรคร่วมฝ่ายค้านพรรคอื่นไหม แต่ว่าพรรคก้าวไกลเป็นพรรคหลักที่ยืนยันว่ารัฐธรรมนูญทุกหมวดควรจะถูกแก้ไขได้ หรือว่า สสร. ควรจะมีอำนาจในการพิจารณาแก้ไขหมวด 1 หมวด 2 ซึ่งเป็นหลักประชาธิปไตยพื้นฐาน เพราะว่าหมวด 1 หมวด 2ข้อมูลก็ถูกแก้ไขโดยตลอดแล้วมันก็ไม่สามารถนำไปสู่การล้มล้างการปกครองได้เหมือนกับที่หลายคนพยายามจะสร้างความเข้าใจผิดๆ และความหวาดกลัวขึ้นมา
ประเด็นละเอียดอ่อนอย่างเช่นกฎหมายอาญามาตรา 112 ก็เห็นว่าพรรคก้าวไกลเป็นพรรคเดียวที่กล้าวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมานะครับ กล้าเอาข้อเสนอผู้ชุมนุมซึ่งอาจจะเห็นด้วยหรือไม่หมด เอามาพูดคุยในสภาไม่ได้ทำการปิดกั้นปิดประตูให้กับผู้ชุมนุม พอพูดถึงอุดมการ เศรษฐกิจ สังคมก็คล้ายกันหลายอย่างเพราะว่าผมเองก็เห็นความจำเป็นในการสร้างรัฐสวัสดิการ ยิ่งโควิดทำให้เห็นว่าคุณภาพชีวิตประชาชนมีความเปราะบางแค่ไหน พอวิกฤติครั้งนึงมาเนี่ยจากคนที่อาจจะเคยประสบความสำเร็จหรือว่าอยู่ในระดับรายได้ที่มั่นคงพอ พอโควิดเข้ามาพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ
เพราะฉนั้นถ้าเราไม่พยายามจะสร้างตาข่ายรองรับประชาชนไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณภาพการเข้าถึงบริการสาธารณสุขสุขภาพ การเข้าถึงการศึกษา การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต การเข้าถึงโลกออนไลน์ ซึ่งสำคัญยิ่งขึ้นในการทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นในโลกสมัยใหม่
ถ้าเราไม่สร้างขึ้นมาประชาชนก็จะมีความเปราะบางมาก เพราะฉะนั้นก็เห็นด้วยกับการสร้างรัฐสวัสดิการ แล้วก็ท้ายสุด นโยบายเรื่องสังคมหลายๆอย่าง การยกเลิกการเกณฑ์ทหาร การขยายสิทธิ์สมรส ให้กลุ่มเพศหลากหลาย ด้วยการแก้ไขกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1448 ก็มีแต่พรรคก้าวไกลที่พูด ผมมองว่ามันมีจุดยืนหลายอย่างที่คล้ายกันแต่ว่ามันเป็นเรื่องจังหวะเวลามากกว่า ว่าในวันที่เรายังไม่พร้อมเต็มที่กับการเป็นผู้สมัคร หรือว่าการกลับไปเป็นนักการเมือง เต็มตัว เพราะมีภารกิจที่ต้องจัดการ”
จากบทสัมภาษณ์ดังกล่าว ทำให้เห็นได้ว่านายพริษฐ์นั้น มีจุดยืนทางการเมืองอย่างไร โดยเฉพาะการที่ชื่นชมว่าพรรคก้าวไกลกล้าหาญ ที่วิพากษ์วิจารณ์กฎหมายมาตรา 112 ซึ่งเกี่ยวของกับความมันคงและสถาบันพระมหากษัตริย์