เอาให้เต็มที่!! ย้อนเหตุการณ์ “แกนมายด์” ลั่นดัง หากถูกจับ พร้อมสู้ต่อในคุก

2787

หลังจากที่ “มายด์” ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล 1 ในแกนนำของกลุ่มราษฎร ที่ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีราชประสงค์ ในม็อบวันที่ 24 มี.ค.64 ที่ผ่านมา และจากถ้อยคำปราศรัยของมายด์ ได้กราบบังคมทูลถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ขอพระราชทาน 3 เรื่อง

จนทำให้ทางด้านหมอวรงค์ เดชกิจวิกรม ออกมาวิเคราะห์ถึงการปราศรัยในครั้งนี้ว่า คนเขียนบทให้มายด์พูดนั้น มีความอำมหิตไม่น้อย จากที่จะเขียนบทล้มเจ้าปลุกระดมมวลชนให้ออกมา แต่กลับเป็นคำพูดที่จาบจ้วงร้ายแรง ยิ่งมัดตัวแกนนำให้โดนคดีเพิ่ม เหมือนตั้งใจเชือดมายด์กลางแยกราชประสงค์

ที่ผ่านมาม็อบ 3 นิ้ว บรรดาแกนนำมักสร้างสถานการณ์ เพื่อปลุกระดมมวลชน และปลุกกระแสความรุนแรงเพื่อหาทางไปต่อ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำที่ถูกคุมขังก่อนหน้านี้ แต่ดูท่าว่า จะไม่เป็นผล เพราะนับวันการชุมนุมยิ่งมีคนออกมาน้อย และมีแต่ความรุนแรง ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างต่อเนื่อง

สิ่งที่น่าจับตามองในการสร้างสถานการณ์ของม็อบที่ผ่านมา ทั้งโหนศพก็แล้ว แกนนำในคุกยอมประท้วงอดข้าวก็แล้ว แต่การเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนภายนอก กลับไม่เป็นไปตามที่เหล่าแกนนำคาดหวัง

โดยเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2564 ที่ผ่านมา มีนายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือ ครูใหญ่ , น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์ และ น.ส.เบนจา อะปัญ ผลัดกันขึ้นปราศรัยที่ราชประสงค์ ซึ่งตอนแรกจะมีการนัดฟังคำสั่งฟ้องในวันที่ 25 มี.ค. 2564 ที่ผ่านมา แต่อัยการได้เลื่อนคำสั่งดังกล่าวออกไปก่อน

แต่ทางด้านครูใหญ่ ได้ประกาศก้อง ไว้ว่า หากพรุ่งนี้ถูกส่งตัวฝากขังระหว่างการพิจารณาคดีการชุมนุมที่หน้าสถานทูตเยอรมนี วันนี้ก็ถือว่าได้พูดในสิ่งที่จะไม่ได้พูดในอนาคต โดยจะเรียกขวัญกำลังใจของประชาชนกลับมา การชุมนุมวันนี้คือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีแกนนำ คนจะมากจะน้อย ก็ยังมีคนสู้ ดาวบนท้องฟ้ามากมายหลายดวง พวกตนอาจมีแสงจับจ้อง แต่เชื่อว่าหากวันหนึ่งพวกตนถูกขัง ก็จะมีดาวนับล้านกระจ่างแสงออกมาพร้อมกัน ขอให้เจ้าหน้าที่ยุติความรุนแรง ขอให้คำนึงถึงความเป็นมนุษย์ ตำรวจไม่ใช่คู่ขัดแย้งประชาชน แต่คนสั่งต่างหากที่ใช่ เราต้องการให้รัฐบาลยุติบทบาท แก้ไขรัฐธรรมนูญ และปฏิรูปสถาบันให้เป็นประชาธิปไตยอย่างที่ควรจะเป็น


ส่วนทางด้าน มายด์ กล่าวว่า หากศาลตัดสินว่ามีความผิดและไม่ให้ประกันตัว ก็ต้องเปลี่ยนที่ต่อสู้ไปอยู่ในเรือนจำ โดยแกนนำและแนวร่วมในคดีนี้ทั้ง 13 คน ยังจะสู้เหมือนเดิม เชื่อมั่นว่าการต่อสู้ข้างนอกไม่แผ่วลงแน่ เพื่อน ๆ ทุกคนเตรียมความพร้อมไม่ว่าผลการตัดสินจะเป็นอย่างไร ตนก็ไม่กังวล แต่เชื่อว่าประชาชนจะตัดสินว่าจะดำรงอยู่อย่างไรต่อ หากผลตัดสินว่าพวกตนต้องถูกจำคุก เท่ากับว่าความยุติธรรมไม่หลงเหลือแล้ว เพราะการต่อสู้ไม่ใช่ของคนกลุ่มเดียว แต่เป็นของประชาชนทุกคนในประเทศนี้ เราควรต้องส่งเสริมกันและกันให้ทุกฝ่ายออกมาต่อสู้

อย่างไรก็ตาม จากคำพูดของแกนนำที่เหลืออยู่ ประกาศชัดว่า หากต้องเข้าคุก ก็พร้อมสู้ต่อ ก็ต้องมาดูกันต่อไปว่า การสู้ของเหล่าแกนนำ จะมามุขไหน เพราะทั้งเขียนจดหมายก็แล้ว รวมทั้งหมิ่นศาล ประท้วงอดข้าวก็แล้ว กลุ่มมวลชนก็ไม่ได้ให้ความสนใจเหมือนที่ผ่าน ๆ มา นั่นอาจจะเป็นเพราะว่า มวลชนตาสว่าง รู้ทันแผนการณ์ของเหล่าแกนนำ 3 กีบแล้ว