จากกรณีที่หมอวรงค์ เดชวิกรม ได้โพสต์ข้อความ ถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ขณะอาละวาดในศาล ว่าเป็นการจงใจทำลายภาพลักษณ์สถาบันเเบื้องสูง สถาบันทหาร และสถาบันของตุลาการของไทย
ขณะเดียวกัน ฟอร์ด เส้นทางสีแดง ได้โพสต์ข้อควมถึงกรณีเดียวกันว่า “ภาพนี้มาจากเพจคุณแอนดรูวน์ถ่ายจากฝั่งขวามือของห้องพิจารณาคดีอันเป็นที่นั่งของตัวแทนจาก UN, EU และทูตนานาประเทศ เป็นภาพประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพนกวินประกาศอดอาหารประนามความอยุติธรรมของศาลและมาตรา 112 ผมนั่งคุยอยู่กับพ่อของเพนกวินซึ่งเป็นเพื่อนผมสมัยเด็ก เมื่อเพนกวินกระโดดขึ้นอ่านแถลงการณ์ศาลได้ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่นำตัวเพนกวินออกไป รุ้งเป็นคนแรกที่เดินเข้าไปกอดเพนกวิน เพื่อนๆของเพนกวินและผู้ต้องหาคนอื่นเข้าไปกางแขนโอบรอบเพนกวินไม่ให้ใครเข้าถึงตัว ผมเชื่อว่าหากเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่เรือนจำใช้กำลังฉุดกระชากลากถูจะกลายเป็นการทำร้ายร่างกายจำเลยในศาลจึงลุกไปขวางไว้”
ทั้งนี้ เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์ข้อความบันทึกเหตุการณ์ภายในห้องพิจารณษคดีดังกล่าว โดยระบุว่า
“บันทึกจากห้องพิจารณา 701 ในคดี #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ที่ศาลไม่ได้บันทึก++
15 มี.ค. 64 เวลา 10.00 น. ศาลอาญา รัชดา นัดพร้อมเพื่อรวมสำนวนคดีและตรวจพยานหลักฐานในคดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร เมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. 63 ที่สนามหลวงและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งมีผู้ถูกฟ้องคดีเป็นนักกิจกรรมรวมทั้งสิ้น 22 คน พร้อมกับนัดตรวจพยานหลักฐานในคดี #ม็อบ14พฤศจิกา หรือ Mobfest ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 63 ซึ่งมี “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ เป็นจำเลย
ณ ห้องพิจารณา 701 ตั้งแต่เวลา 9.00 น. ผู้ต้องหาในคดี #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร จำนวน 12 คน ประกอบด้วย ชินวัตร จันทร์กระจ่าง, ชูเกียรติ แสงวงค์, ณวรรษ เลี้ยงวัฒนา, ณัทพัช อัคฮาด, ธนชัย เอื้อฤาชา, ธนพ อัมพะวัติ, ธานี สะสม, ภัทรพงศ์ น้อยผาง, สิทธิทัศน์ จินดารัตน์, สุวรรณา ตาลเหล็ก, อนุรักษ์ เจนตวนิชย์ และณัฐชนน ไพโรจน์ ซึ่งถูกแจ้งข้อหาหลัก ม.116 ทยอยเดินทางเข้ามาในห้องพิจารณา โดยมีจำเลย 2 คน ไม่ได้เดินทางมาในวันนี้ ได้แก่ “ครูใหญ่” อรรถพล บัวพัฒน์ ซึ่งติดสืบพยานในคดีที่จังหวัดขอนแก่น และอะดิศักดิ์ สมบัติคำ ซึ่งติดภารกิจงานศพบิดา
เวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ยังได้นำตัวจำเลยอีก 8 คน ซึ่งถูกคุมขังในเรือนจำต่างๆ ได้แก่ “ไมค์” ภาณุพงศ์ จาดนอก, “ไผ่” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา, “แอมมี่” ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ จากเรือนจำพิเศษธนบุรี, “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล จากทัณฑสถานหญิงกลาง และ “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์, อานนท์ นำภา, “หมอลำแบงค์” ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม , สมยศ พฤกษาเกษมสุข จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เข้ามาในห้องพิจารณา โดยมีประชาชนจำนวนมากและครอบครัวของผู้ถูกคุมขังแต่ละคนเดินทางมาให้กำลังใจ ทำให้บรรยากาศในห้องพิจารณาเต็มไปด้วยความอบอุ่น
ในวันนี้ตลอดทั้งวันยังมีผู้สังเกตการณ์สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR), แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล และเจ้าหน้าที่สถานทูตต่างๆ กว่า 14 ประเทศ สลับการเข้าร่วมฟังการพิจารณาตลอดวันนี้ด้วย ได้แก่ สหภาพยุโรป, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, เนเธอร์แลนด์, ออสเตรเลีย , อังกฤษ, ออสเตรีย, เบลเยี่ยม, ลักเซมเบิร์ก, สวีเดน, นิวซีแลนด์ และสหรัฐอเมริกา
เนื่องจากจำเลยทั้งสองคดีถูกกล่าวหาจากมูลเหตุเกี่ยวพันกัน ในเหตุการณ์เดียวกัน และมีพยานหลักฐานชุดเดียวกัน ทำให้ศาลสั่งรวมการพิจารณาคดีเข้าด้วยกัน รวมแล้วมีจำเลยทั้งสิ้น 22 คน แบ่งเป็นจำเลยที่มีคดีหลักตามมาตรา 112 จำนวน 7 คน ซึ่งเป็นผู้ที่ไม่ได้รับการประกันตัวข้างต้น และจำเลยที่มีคดีหลักตามมาตรา 116 อีกจำนวน 15 คน
ขณะศาลถามว่าจะมีจำเลยคนใดคัดค้านการพิจารณาคดีหรือไม่ สมยศลุกขึ้นยืนแถลงต่อศาลว่า ผมจะสู้คดีได้อย่างไร ในเมื่อถูกคุมขังอยู่ ประชาชนในห้องพิจารณา กล่าวขึ้นมาว่า “ให้พวกเขาประกันตัว”
ศาลชี้แจงว่าองค์คณะที่พิจารณาคดีในวันนี้มีส่วนรับผิดชอบเพียงเรื่องการรวมสำนวนการพิจารณาคดีเข้าด้วยกัน ฝ่ายบริหารคืออธิบดีและรองอธิบดีศาลเป็นผู้รับผิดชอบพิจารณาด้านการประกันตัว
จากนั้น ผู้พิพากษาได้เรียกตำรวจศาลเข้ามาในห้องพิจารณาเพื่อให้ควบคุมประชาชน ศาลกล่าวว่าจะไม่ให้เพนกวินแถลงต่ออีก ขอให้นั่งลง และฟังศาล แต่เพนกวินยังคงยืนอยู่และพยายามจะแถลงต่อ
เจ้าหน้าที่ตำรวจศาลได้พยายามเดินเข้ามาล้อมเพนกวิน แต่ประชาชนในห้องพิจารณาเริ่มยืนขึ้น รุ้ง ปนัสยาได้เดินเข้าไปด้านหลังเพนกวิน และพยายามยืนกันเพนกวินเอาไว้ไม่ให้มีใครเข้าใกล้
ผู้พิพากษาองค์คณะได้สั่งพักการพิจารณา แล้วเดินออกจากห้องพิจารณาไป โดยสั่งให้ตำรวจศาลเชิญผู้ไม่เกี่ยวข้องในคดีออกจากห้องพิจารณา
ภายหลังศาลออกจากห้องพิจารณาแล้ว เพนกวินยังคงพยายามแถลงสิ่งที่เตรียมมา โดยตำรวจศาลรวมถึงเจ้าหน้าที่ศาล และรปภ. ประมาณ 15 คน พยายามเข้ามาล้อมเพนกวินไว้เพื่อจะนำตัวออกไป
เพนกวินได้ลุกขึ้นยืนบนเก้าอี้ไม้ในห้องพิจารณา ประชาชนที่มาฟังการพิจารณาพยายามยืนขึ้นคล้องแขนล้อมเพนกวินไว้ บางคนชูสามนิ้ว เพื่อแสดงถึงความสนับสนุน
ใจความในตอนหลังของการแถลงดังกล่าวคือ การประกาศอดอาหารเพื่อประท้วงการไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัว โดยจะดื่มแค่น้ำเปล่า น้ำหวาน และน้ำนม จนกว่าศาลจะคืนสิทธิในการประกันตัวให้ผู้ต้องหาทางการเมืองทุกคน โดยหวังว่าความทรมานของตนจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริง เพนกวินได้แถลงจนจบใจความที่ต้องการ ก่อนถูกตำรวจศาลนำตัวออกไปจากห้องพิจารณา พร้อมผู้ถูกคุมขังคนอื่นๆ ประชาชนในห้องพิจารณาตะโกนพร้อมกันว่า “ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ” จำนวน 3 ครั้ง”