จากที่เป็นประเด็นกลายเป็นกระแสให้ถูกตำหนิเฌอเอมกับพฤติกรรมของเธอ แม้จะชัดเจนว่าสนับสนุนม็อบราษฎร แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุที่ถูกโจมตี แต่คือพฤติกรรมของนางงามผู้นี้ที่เสื่อมถอยแตกต่างกับหน้าตาที่สะสวยของเธอ ?!?
สำหรับ“เฌอเอม” ชญาธนุส ศรทัตต์ ได้ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง กับเรื่องราวที่เจ้าตัวบอกว่าการนั่งเคารพธงชาติ เป็นความหลากหลายในระบอบประชาธิปไตย ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก “พระยาพิชัย พ่อกูดาบหัก” ได้โพสต์คลิปวิดีโอขณะ น.ส.ชญาธนุส ศรทัตต์ หรือ เฌอเอม อดีตผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 และแนวร่วมม็อบราษฏร อ่านคำปราศรัยบนเวทีม็อบ #SaveบางกลอยxP-Move บริเวณทำเนียบรัฐบาล โดยในช่วงเวลา 18.00 น. ของวันที่ 11 มีนาคม 2564 เมื่อเพลงชาติไทยดังขึ้นปรากฏว่า น.ส.ชญาธนุส ลงไปนั่งกับพื้นและเอนกายลงอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน
ทั้งนี้ เพจเฟซบุ๊ก “พระยาพิชัย พ่อกูดาบหัก” ระบุข้อความว่า กิริยามารยาท 18.00 น. ” เฌอเอม ชญาธนุศ” นั่งเคารพธงชาติระหว่างการปราศรัยเรื่อง saveบางกลอย ปล.เบาได้เบาครับ ขณะที่พฤติกรรมของเธอดังกล่าวได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ว่าไม่เหมาะสม
ขณะที่น.ส.ชญาธนุส หรือ เฌอเอม กล่าวว่า ตนไม่ได้ยืนตรงเคารพธงชาติมานานแล้ว ที่แสดงออกแบบนั้นเพราะเมื่อย และสิ่งที่ต้องการจะสื่อก็คือการยืนตรงเคารพธงชาติเป็นภาพของศีลธรรมอันดี ที่นำมาวัดว่าใครเป็นคนดีหรือคุณเป็นคนไทยแค่ไหน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ทุกคนต้องหยุดเดินทั้งที่ไม่ได้อยู่ในกฎหมาย และเมื่อมองออกไปนอกกรอบชาตินิยม มันไม่ใช่ความเป็นชาติสำหรับตัวเอง
“การกระทำดังกล่าวมันไม่ได้เป็นภัยต่อใครมันคือความหลากหลายทางความคิดในระบอบประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องยืน รวมถึงทุก ๆ คนในที่นี้ก็เหมือนกัน ถ้าคุณรักชาติไม่ได้รักด้วยใจ รักด้วยการถูกบังคับแบบนั้นก็ไม่มีค่าอะไร”
นั่นเองที่ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ มีการตั้งคำถามว่า สิ่งที่ เฌอเอม ทำนั้น ย่อมสะท้อนตัวตนว่าเป็นคนเช่นไร เป็นการวัดระดับมารยาทและจิตสำนึกได้อย่างดี และทำให้ถูกโยงไปถึงตอนที่เข้าประกวดนางงงามด้วยว่า เฌอเอมทั้งผลักดันความเท่าเทียม อยากเคลื่อนไหวประชาธิปไตย แต่มีเพียงคำพูดสวยหรูเท่านั้น เพราะตัวเองยังไม่มีความโปร่งใสในการประกวด และยังว่าร้ายสาปแช่งไปถึงเพื่อน ๆในกองด้วย
“ส่วนพฤติกรรมการไม่เคารพธงชาติของเฌอเอม หากไม่อยากยืนตรง ก็ไม่ควรทำเช่นนี้ เพราะเพลงชาติเป็นความรู้สึกร่วมของคนในชาติ เป็นความภาคภูมิใจในความเป็นไทย ไม่เกี่ยวว่าจะอยู่ในขอบเขตของใคร หรือถ้าใครไม่ชอบ ไม่จำเป็นต้องแสดงออกขนาดนี้ เพราะมันจะยิ่งสะท้อนความกลวงของตัวเธอเอง ว่าแท้จริงก็เอาประชาธิปไตยมาอ้าง แต่สุดท้ายดูเหมือนอยากทำพฤติกรรมเลียนแบบม็อบ 3 นิ้ว”
และเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่มีเพียงเท่านั้น หากต่อมาในวันเดียวกันช่วงเวลา4ทุ่มกว่าๆ ในเฟซบุ๊ก วิว เยาวภา บุรพลชัย อดีตนักกีฬาเทควันโดหญิงทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญทองแดงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2004 ณ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ได้ปรากฏข้อความพร้อมภาพ โดยระบุว่า
“หลายครั้งที่วิวมีโอกาสได้ยืนตรงเคารพธงชาติไทย และร้องเพลงชาติไทยบนโพเดียม เป็นความภาคภูมิใจของวิวที่ชีวิตนี้ได้เกิดมา และสามารถสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้
รักประเทศไทย ภูมิใจที่ได้เกิดมาบนแผ่นดินไทย”
อย่างไรก็ตามแน่นอนว่าการโพสต์ครั้งนี้ของวิว เยาวภา ไม่อาจทราบได้ถึงวัตถุประสงค์ ว่าต้องการสื่อถึงใครหรือไม่ แต่ในโลกโซเชียลก็อดที่จะโยงและเปรียบเทียบไม่ได้ เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นในห้วงเวลาที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมของนางงามแบบพอดิบพอดี โดยโพสต์ของวิวเกิดขึ้นหลังเรื่องราวของเฌอเอมเพียงไม่กี่ชั่วโมง ที่สำคัญจะเห็นว่าเป็นเนื้อหา เรื่องราว ในทำนองเดียวกัน แตกต่างก็เพียงความรู้สึก ความคิดเห็น มุมมองในเรื่องเท่านั้น
สำหรับ วิว เยาวภา บุรพลชัย เป็นบุคคลที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย โดยเธอเป็นนักกีฬาเทควันโดหญิงทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญทองแดงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2004 ณ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ จากการแข่งขันในรุ่น 47-51 กิโลกรัม ต่อมาได้เปลี่ยนกีฬาอาชีพไปเป็นกีฬาฟันดาบสากล
เยาวภา บุรพลชัย เป็นบุตรีของร้อยตรีธำรง กับสมศรี บุรพลชัย เริ่มเล่นเทควันโดครั้งแรก ตั้งแต่อายุ 15 ปี ขณะศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยมี อาจารย์ครรชิต อมรภักดี เป็นผู้ฝึกสอนคนแรก และชเว ย็อง-ช็อก เป็นผู้ฝึกสอนในระดับทีมชาติไทย นอกจากนี้เยาวภายังสามารถใช้ภาษาได้ถึง 4 ชาติ คือ ภาษาไทย (ภาษาแม่) ภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น และภาษาเกาหลี