กลุ่มปลดแอก ออกตัว เตรียมกลับมานำแทน กลุ่มคณะราษ ไปไม่รอด ล้มเหลว

5798

เทคโอเวอร์อีกแล้ว!? “กลุ่มปลดแอก” ออกตัว เตรียมกลับมานำแทน พร้อมเหน็บเจ็บ “กลุ่มคณะราษ” ไปไม่รอด ล้มเหลว!!

หากว่าทุกท่านได้ตามข่าวสถานการณ์การชุมนุมอย่างต่อเนื่อง ทุกท่านก็อาจจะเห็นได้ว่า การชุมนุมในทุกครั้งทางด้านของ “กลุ่มคณะราษฎร” แกนนำตัวหลักๆจะมี นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน , นายอานนท์ นำภา หรือ ทนายอานนท์ , น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง , นายประสิทธิ์ ครุธาโรจน์ หรือ เจมส์ , นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ระยอง

ในส่วนของ กลุ่มเยาวชนปลดแอก ก็จะมีตัวหลักๆ คือ นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี หรือ ฟอร์ด , จุฑาทิพย์​ ศิริขันธ์​ หรือ​ อั๋ว

ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มนี้ เหมือนกับว่าจะเป็นกลุ่มเดียวกัน แต่หากว่ามีการสังเกตจริงๆ แกนนำของกลุ่ม เยาวชนปลดแอก มักจะไม่ค่อยที่จะขึ้นเวทีร่วมกับ คณะราษฎร หรือเคลื่อนไหวด้วยกัน ทำให้หลายๆคนเกิดความสงสัยในเรื่องของความสัมพันธุ์ลึกๆ ของกลุ่มเคลื่อนไหวสองกลุ่มนี้มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง

กลุ่มที่เคลื่อนไหวหลักจะเป็นกลุ่มคณะราษฎร แต่เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า เมื่อวันที่ 19-20 ก.พ.64 ที่ผ่านมานั้น กลุ่มคณะราษฎร เริ่มหมดพลังการปลุกกระแส และการเชิญชวนผู้ร่วมชุมนุม เพราะขนาด รุ้ง ปนัสยา ประกาศว่าจะเป็นการชุมนุมใหญ่ คนจะมาเป็นแสน แต่ในความเป็นจริง กลับมากันเพียงแค่ 500-600 คน ทำให้หลายๆคนต่างมองว่า ม็อบคณะราษฎร63 หมดแล้วไม่สามารถขับเคลื่อนได้แล้ว

ทำให้ล่าสุดในวันที่ 21 ก.พ.64 ทางด้านของเพจสาธารณะ “เยาวชนปลดแอก -Free YOUTH” ก็ได้โพสต์ข้อความ ปลุกกระแสอีกครั้ง หลังจากที่ทางด้านของ คณะราษฎร ไม่สามารถปลุกมวลชลได้แล้ว โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

[ FOR ENGLISH PLEASE SCROLL DOWN]
เรายืนอยู่ข้างๆ มวลชน เป็นส่วนหนึ่งเท่าๆ กันกับทุกคน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การต่อสู้กับฝ่ายเผด็จการที่มีองคาพยพอยู่เพรียบพร้อมนั้น อาจทำให้ความท้อแท้ สิ้นหวังกัดกินหัวใจของใครหลายๆ คน แต่ขอทุกคนจงตระหนักไว้ว่า เราต้องการเพียงแค่ความสำเร็จ “1 ครั้ง” จากความล้มเหลว 100 ครั้ง

แต่หากจะเรียกว่าล้มเหลวก็อาจไม่ใช่เสมอไป เพราะนี่คือการชักเย่อระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยและฝ่ายเผด็จการ ที่เราได้ดึงจุดศูนย์กลางของเชือกให้เข้าใกล้ฝั่งได้มากขึ้น แต่เพื่อให้แรงของการชักเย่อนั้นมากพอที่จะนำมาสู่ชัยชนะ เราจำเป็นต้องคิดหาวิธีใหม่ๆ ในการต่อสู้

การจับมือกันของประชาชนยังคงต้องเกิดขึ้น เพราะการต่อสู้ในตอนนี้ไม่ใช่การสู้เพียงเพื่อวันนี้ แต่เป็นการสู้เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของลูกหลานของเรา อนาคตที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและอำนาจลดลง การมีขนส่งสาธารณะที่มีคุณภาพ การที่ทุกคนมีที่อยู่อาศัยที่เพียงพอไม่มีใครต้องนอนข้างถนน

แต่การจะนำไปสู่จุดนั้นได้ อาจต้องไม่ใช่แค่การลุกขึ้นของคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ต้องเป็นการลุกขึ้นหยัดยืนด้วยตัวของ “มวลชน”

เร็วๆ นี้เตรียมพบกับ! การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่คนเท่ากัน การต่อสู้ที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ แต่ทุกคนเป็นเจ้าของ “ร่วมกัน”