แรมโบ้ฉีกตั๋วช้างถอดเทปโรมฟันผิด! เจี๊ยบไม่กลัวโดนม.112แต่ขู่ฟ้องกลับอาญาพ่วงแพ่ง

2467

จากการประชุมสภาฯอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี โดยอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส. พรรคก้าวไกล ซักฟอก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในประเด็นการทุจริตในหน้าที่ทั้งยังเสียดสี ทำให้เกิดประเด็นฟ้องร้องกันเกิดขึ้นอย่างอุตลุด?!!?

โดยจากที่ลวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ตอบโต้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่กล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ชายชาติทหาร สั่งให้ไปแจ้งความ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.พรรคก้าวไกล พฤติกรรม อภิปรายแล้วไม่จบ ยังไปโพสต์ต่อที่บ้านในเพจส่วนตัว กล่าวหาโจมตีนายกฯและยังพยายามจาบจ้วงก้าวล่วงสถาบันตลอด

“ผมมีหลักฐานชัดเจน ซึ่งการที่ผมจะไปแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ในวันนี้ จะไม่ได้มีแค่คดีหมิ่น พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 อย่างเดียว แต่จะแจ้งความคดีหมิ่นสถาบันตามมาตรา 112 ด้วย ซึ่งทีมวอร์รูมมีหลักฐานหลายชิ้นและมีคลิปที่บันทึกเสียงไว้เรียบร้อย ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่า นางอมรัตน์ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มของ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และ นายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มราษฎร ในการชุมนุมล้มล้างสถาบัน หรือจาบจ้วงก้าวล่วงสถาบัน ถือว่ามีความผิดตามมาตรา 112

โดยในคลิปที่นางอมรัตน์ไปร่วมชุมนุมกับ 4 แกนนำกลุ่มราษฎร ซึ่งไปหลายครั้ง และยังพบว่านางอมรัตน์มีพฤติกรรมสนับสนุนการชุมนุมที่ก้าวล่วงสถาบัน โดยการไปให้เงินกับนายเพนกวิน ซึ่งมีคลิปไว้หมดแล้วทั้งหมด 4 คลิป เพราะบุคคลใดก็ตามที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังหรือสนับสนุนกลุ่มคนที่ทำผิดมาตรา112 จะต้องถูกดำเนินคดี เพราะฉะนั้นขอยืนยันว่าการฟ้องร้องครั้งนี้นายกฯไม่จำเป็นต้องสั่ง แต่วอร์รูมสามารถดำเนินการได้เอง นายกฯไม่ได้เป็นคนสั่ง

การดำเนินการครั้งนี้ไม่ได้เป็นการสกัดกั้น แต่เป็นลักษณะของการที่ปากของนางอมรัตน์พาไปหาคุกเอง เพราะการกล่าวหรือการโพสต์ต่างๆไม่มีความระมัดระวัง โดยเฉพาะในเฟซบุ๊กจะเห็นชัดเจนว่าจะมีคำว่ากล้ามาก เก่งมาก ซึ่งมีเกือบทุกเพจ เป็นสิ่งที่ไม่ควรพูด เพราะเหมือนเป็นการล้อเลียนหรือหมิ่นสถาบันชัดเจน ไม่เหมาะสม ถือเป็นพฤติกรรมของส.ส.ที่ปากพาไปหาคุกเอง วิ่งไปมาตรา 112 เอง ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อส.ส.คนอื่นๆ” นายสุภรณ์ กล่าว

จากนั้นในวันเดียวกันที่ บก.ปอท. ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ คณะทีมวอร์รูมฝ่ายกฎหมายคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี นายสุภรณ์และคณะได้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ นางอมรัตน์ ข้อหาตามพรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ตามมาตรา14 และเพิ่มเติมแจ้งความดำเนินคดี ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วยอีกหนึ่งคดี

ต่อมาวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564  นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร และ นางอมรัตน์ แถลงกรณี นายสุภรณ์ แจ้งดำเนินคดีมาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กับ นางอมรัตน์

ทั้งนี้นายวิโรจน์ กล่าวว่า เบื้องต้นฝ่ายกฎหมายของพรรคตรวจสอบแล้วพบว่า เนื้อหาทั้งหมดเป็นการตีความตามอคติของผู้ที่จะไปร้องดำเนินคดี ซึ่งจะรอดูท่าทีเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะวินิจฉัยอย่างไร จะสั่งฟ้องหรือไม่ และดูเนื้อหาว่าตรงไหนที่เจ้าหน้าที่รับฟ้อง เพื่อเราจะนำเนื้อหาตรงนั้นไปร้องทุกข์ต่อศาลโดยตรง ว่าเป็นการแจ้งความเท็จ และเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งด้วย

“ขอฝากไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า หากไม่เข้าข่ายการกระทำความผิด แต่ยังใช้กฎหมายกลั่นแกล้งก็จะดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ทั้งมาตรา 157 และ 200 คือจงใจใช้คดีอาญากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นต้องรับโทษ กับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางเช่นกัน” นายวิโรจน์ กล่าว

ด้าน นางอมรัตน์ กล่าวว่า หลังจากที่ตนอภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์  คือการหลีกเลี่ยงภาษี ทำผิดกฎหมายการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งเป็นการทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้านตามปกติ โดยนายสุภรณ์ นอกจากจะฟ้องหมิ่นประมาทตนแล้ว ได้เพิ่มเติมว่าจะฟ้อง ม.112 ด้วยเหตุผลว่าตนอยู่เบื้องหลังแกนนำม็อบ และสนับสนุนม็อบราษฎร ซึ่งไร้สาระมาก

“ตนมั่นใจอย่างที่สุดว่า ไม่เคยโพสต์ หรือทำอะไรที่เข้าข่ายผิดกฎหมายนี้เลย นายสุภรณ์จงใจให้ข่าวใส่ร้ายป้ายสีและหมิ่นประมาท ตนจึงตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ลอยนวล และให้เป็นคดีเยี่ยงอย่างกับส.ส.ฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่ตรวจสอบตามญัตติไม่ไว้วางใจคนต่อๆ ไป และจะดำเนินคดีนี้ตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดไม่ว่าทางแพ่ง และอาญา ให้รู้ว่าอย่ามาใช้ ม.112 กลั่นแกล้งรังแกกัน รายละเอียดการกล่าวหา ตนยังต้องรอเอกสารจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เพื่อพิจารณาเนื้อหาก่อน” นางอมรัตน์ กล่าว

ล่าสุดวันนี้ 20 กุมภาพันธ์ 2564 นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เตรียมฟ้องกลับในข้อหาแจ้งความเป็นเท็จ และข่มขู่เจ้าหน้าที่ บก.ปอท. ที่รับเรื่องจะถูกดำเนินคดีด้วย ว่า ส่วนตัวไม่หวั่นใจ และหากฟ้องมาจริงก็จะฟ้องกลับ เพราะพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้ที่ได้อภิปรายก้าวล่วงสถาบันเบื้องสูงอย่างไร และทุกครั้งที่มีการชุมนุมได้สนับสนุนหรือให้ท้ายอย่างไร  โดยไม่ต้องเข้าเครื่องจับเท็จของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งนี้ได้เมื่อตนได้ให้ทนานความของคณะทำวานวอร์รูนอกสภา ยื่นหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งเป็นคลิปที่ นางอมรัตน์  ให้การสนับสนุน และทำกิจกรรมกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งถูกจับกุมอยู่ในเรือนจำอย่างไร

“วันนี้ผมไม่หวั่นไหวกับสิ่งที่ ส.ส.อมรัตน์ และ ส.ส.ก้าวไกลบางคนจะฟ้องร้องผม พร้อมยินดีไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงกัน เพราะพฤติกรรมปิดบังตัวเอง โกหก ตบตาประชาชนไม่ได้ โดยเฉพาะภาพที่เห็นวานของ ส.ส.อมรัตน์ ทั้งที่ตนเองได้ลงชื่อยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ไม่สนใจฟังคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรีกับรัฐมนตรี ไม่อยู่ในห้องประชุม แต่กลับไปร่วมชุมนุม พฤติกรรมแบบนี้ควรเป็นส.ส.หรือไม่”

นายสุภรณ์ ยังกล่าวถึงกรณี ที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ได้แถลงภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งพาดพิงถึงสถาบัน ว่า คณะทำงานวอร์รูมฯ ได้ถอดทุกคำพูดแล้ว และฝ่ายกฎหมายได้ตรวจสอบแล้วข้อมูลมีหลักฐานว่าเพียงที่จะดำเนินคดีมาตรา 112 ได้ ทั้งนี้อยู่ระหว่างรอขั้นตอนตรวจสอบเอกสารที่นำมาเผยแพร่ ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าเป็นเท็จ หากชัดเจนว่าเป็นเท็จก็จะดำเนินคดีในข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วย

ล่าสุด วันนี้ 19 กุมภาพันธ์ นายสุภรณ์ กล่าว ถึงกรณีนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปราย กรณีมีการแต่งตั้งซื้อขายตำแหน่งตำรวจ และมีตั๋วในวงการตรวจ ว่า มีข้อมูลที่บิดเบือนและอาจจะมีข้อมูลบางประเด็นที่มีหลักฐานเป็นเท็จกล่าวล่วงถึงผู้ใหญ่ในสำนักพระราชวัง และกล่าวล่วงถึงในหลวง ในบางคำพูด บางประเด็นพร้อมกับข้อความและเอกสารซึ่งตนเชื่อว่าน่าจะเป็นเอกสารเท็จ ไม่ใช่เอกสารที่เป็นข้อเท็จจริง

“ขณะนี้กำลังส่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบและให้มีการถอดเทปคำพูดทั้งหมด ว่ามีประเด็นที่จะต้องดำเนินคดีในเรื่องของการผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และผิดมาตรา 112 เหมือนกรณีนางอมรัตน์ ถ้าผลการตรวจสอบพบว่ามีการทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตรา 14 ตนและคณะทีมวอร์รูมฝ่ายกฎหมายคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ก็จะเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีอีกครั้ง”

นอกจากนี้ นายสุภรณ์ ยังกล่าวอีกว่า ไม่ใช่เรื่องของการปิดปากไม่ใช่เป็นการเอามาตรา 112 มารังแกนายรังสิมันต์ เหมือนกับนางอมรัตน์ แต่คนเหล่านี้มีพฤติกรรมจาบจ้วง ก้าวล่วงสถาบันถึงขนาดมีการเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 112 และมีพฤติกรรมที่เข้าไปร่วมกับแกนนำม็อบที่จาบจ้วงกล่าวล่วงสถาบัน แกนนำ 3 นิ้วที่คิดล้มล้างสถาบันตลอดที่ผ่านมา

“ดังนั้น นายรังสิมันต์ จะใช้วาทศิลปะในการพูดอย่างไร แต่พฤติกรรมจริงๆไม่ใช่ ส.ส.ก้าวไกลเรารู้พฤติกรรมหมดแล้ว ดังนั้นอย่ามาใช้ลักษณะปกป้องสถาบัน เพราะที่จริงแล้วพวกท่านกำลังคิดล้าง ทำลายสถาบัน”

อย่างไรก็ตามโดยก่อนหน้านี้ เพจเฟซบุ๊ก พรรคก้าวไกลได้เผยแพร่วิดิโอไลฟ์ พร้อมระบุข้อความว่า  “เมื่อโดนห้ามอภิปรายในสภา ไม่ได้พูดเนื้อหากว่าครึ่งที่เตรียมมา ส.ส.รังสิมันต์โรม จึงตัดสินใจว่ามีความจำเป็นต้องไลฟ์เนื้อหาต่อ รวมถึงเปิดเอกสารต่างๆ #ตั๋วช้าง คืออะไร?”