หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยุติการชุมนุมของคืนวันที่ 13 ก.พ. 2564 ได้ในเวลา 22.00 น. แต่พบว่ายังมีมวลชนบางส่วนไม่ยอมกลับบ้านตามที่แกนนำได้ประกาศ และยังคงขว้างปาขวดน้ำ ก้อนหิน ใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ นอกจากนี้ในการชุมนุมได้มีเสียงดังคล้ายระเบิดเกิดขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ 20 นาย บาดเจ็บ
ล่าสุดทางด้านศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) ได้สรุปข้อมูลผู้ได้รับบาดเจ็บในเหตุชุมนุมของกลุ่มราษฎร ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยข้อมูล ณ เวลา 08.00 น. วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 มีการนำส่งผู้บาดเจ็บไปยังโรงพยาบาลจำนวน 25 ราย ดังนี้ รพ. ตำรวจ 20 นาย , รพ. กลาง 2 คน , รพ. วชิรพยาบาล 1 คน , รพ.มิชชั่น 1 คน และ รพ. แพทย์ปัญญา 1 คน
ขณะที่ทางด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (NIDA) ได้โพสต์ภาพ ที่กลุ่มมวลชนที่มาชุมนุมได้ใช้เท้าเตะกระถางดอกไม้บริเวณรอบ ๆ อนุสาวรีย์ฯ
พร้อมเขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า…. หรอมแหรม รุนแรง หยาบคาย ถ่อยเถื่อน
พกอาวุธ ไม่มีมวลชนที่แท้จริง จัดตั้ง จ้างมา นี่คือลักษณะของม็อบวันนี้ ชัดเจนมาก
ส่วนทางด้านพล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ถึงการชุมนุมเมื่อคืนนี้ โดยมีเนื้อหาระบุว่า
“วันนี้นั่งดูม็อบทางทีวีแล้วเศร้าใจ หลายอย่าง ไม่มีอะไรที่ม็อบจะต่อสู้เพื่อปากท้องประชาชน หรือ ชาติเลย แกนนำพยายามครั้งสุดท้ายให้รอดจากกฎหมาย ในสารพัดข้อหา โดยเฉพาะ ม.112 รุ้งก็จะขึ้นศาลใน 3-4วันนี้ ใครจะให้เธอประกันตัว
เมื่อดูบทบาทวันนี้ ที่เสมือนแก็งกวนเมือง ที่นัดคนมาร่วมกันพอใกล้จะมีเรื่อง ก็รีบทิ้งม็อบไปเลย เมื่อแกนนำม็อบ ไม่สามารถควบคุมม็อบได้ พวกการ์ด กับ เสื้อแดงก็กลับมาเป็นฝ่ายคุมแกนนำ ม็อบจึงเถื่อนเพิ่มขึ้นตามลำดับ
วันนี้แกนนำ ทำความผิดไปอย่างน้อย 4-5 ข้อหา นี่ไม่นับ ม.112 นะ พอขึ้นศาลก็แหกปากร้องเรื่องประชาธิปไตย ปากบอกมาไล่นายกฯ แต่ม็อบตระโกนแหกปาก เป็นระยะๆ ให้เลิก ม.112
ใครผิดใครถูกเห็นได้ชัดเจน
ตำรวจจึงจำเป็นต้องทำหน้าที่ให้เข้มกว่านี้อีก ตอนนี้เสียงเรียกให้เปลี่ยน ผบ.ตร.ก็มากขึ้นทุกทีแล้ว
ส่วนรัฐบาล ที่ปล่อยให้ม็อบเป็นแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ศรัทธาของประชาชนลดลงอย่างรวดเร็ว
ครจะมาลงทุนในไทย ใครจะมีเวลามานั่งทำมาหากินใหม่ๆแทนงานเก่าที่ เลิกกิจการไป จนคนตกงานกันระนาว อยู่ในปัจจุบันนี้
การขาดความเชื่อมั่นต่อขบวนการยุติธรรมเริ่มหมดไปทุกที
ถ้าเป็นแบบนี้อีก 3 เดือนรัฐบาลพังแน่ ไม่ได้พังเพราะ ม็อบ แต่พังจากประชาชนธรรมดานี่เอง ครับ
เมื่อประชาชนไม่ศรัทธารัฐบาล ก็ยอมให้ม็อบเบ่งบานไปตามสบาย”
นอกจากนี้ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปที่มวลชนโมโห เอ่ยปากตะโกนด่า “ไมค์ ภาณุพงศ์” ด้วยคำหยาบ พร้อมบอกว่า มึงทิ้งคนแบบนี้ได้ยังไง เขามาด้วยใจ ไม่น่าเสียเวลามาเลย พอถึงเวลาเกิดเรื่อง แกนนำรีบชิ่ง ทิ้งหนีมวลชน
อย่างไรก็ตามในทวิตเตอร์ของไมค์ ได้เคลื่อนไหวโพสต์ข้อความ หลังเจ้าหน้าที่ยุติการชุมนุม ระบุว่า “การยุติการชุมนุมวันนี้เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กระสุนยางกับประชาชน ซึ่งความเสี่ยงสูงและเป็นอันตรายกับมวลชนมาก เราไม่อยากให้เกิดการสูญเสีย และไม่อยากให้เกิดการบาดเจ็บใดๆ ทั้งสิ้น ผมและทุกคนไม่อาจพามวลชนไปเสี่ยงอันตรายสูงแบบนี้ได้ ต้องขออภัย ชีวิตทุกคนสำคัญมากที่สุด” ซึ่งจากคำพูดของไมค์บอกว่าชีวิตทุกคนสำคัญมาก แต่ทำไมถึงได้มีคลิปมวลชนออกมาด่าไมค์ ว่าทิ้งม็อบ ดังนั้นเข้าทางเลยว่า จริง ๆ แล้วแกนนำทุกคนก็ทำเพื่อตัวเองกันทั้งนั้น