หลังจากที่ศาลมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว 4 แกนนำม็อบ อย่างนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, นายอานนท์ นำภา, นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และ นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงค์ ซึ่งทั้งหมดเป็นแกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร
จนเมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2564 ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มคนรวมตัวชุมนุมกันที่สกายวอล์ก แยกปทุมวัน และในเวลา 20.10 น. พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ปทุมวัน ได้อ่านประกาศขอให้ยุติการชุมนุม เนื่องจากผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ระหว่างนั้นมีแนวร่วมเข้าไปเคาะหม้อ และตะโกนด่าทอหยาบคาย ก่อนจะมีชายคนหนึ่งเข้าไปพยายามประชิดตัวตำรวจ ทำให้ผู้ชุมนุมคนอื่นๆ กรูเข้ามาผลักดันตำรวจให้ถอยร่น ออกจากพื้นที่ชุมนุม
เกี่ยวกับเรื่องนี้ทางด้านพล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ได้อัพเดทความคืบหน้า ว่าเบื้องต้นขณะนี้ทราบข้อมูลว่า ผกก.สน.ปทุมวัน อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีกำลังพลได้รับบาดเจ็บจากกรณีดังกล่าวจำนวนเท่าใด หรือมีทรัพย์สินของทางราชการและเอกชนเสียหายหรือไม่ ก่อนที่จะรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานทั้งหมดดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมด ในข้อหาร่วมกันทำร้ายเจ้าพนักงาน ซึ่งทราบข้อมูลว่าขณะนี้ตำรวจ สน. ปทุมวัน มีข้อมูลพยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจน มีภาพเคลื่อนไหวที่บันทึกได้ในขณะเกิดเหตุ , ภาพจากกล้องวงจรปิด และพยานแวดล้อมที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุมเพื่อออกหมายเรียก หรือหมายจับผู้ก่อเหตุกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตามขั้นตอน
นอกจากนี้ยังเตรียมดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมชุดวันที่ 9 ก.พ. ในข้อหาความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ เนื่องจากขณะนี้อยู่ในประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เรื่องห้ามการชุมนุมอันเป็นการเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงทำให้เจ้าพนักงานไม่สามารถอนุญาตให้มีการชุมนุมที่ถูกต้องตามพ.ร.บ.การชุมนุมได้
สำหรับการชุมนุมในเย็นวันนี้ เบื้องต้นได้ให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 และ 6 เตรียมกำลังในการดูแลการชุมนุมในพื้นที่ไว้ส่วนหนึ่งแล้วแต่ไม่สามารถเปิดเผยถึงจำนวนของกำลังพลได้ โดยจะมีการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้กองบัญชาการตำรวจนครบาลยังได้จัดเตรียมกำลังกองร้อยควบคุมฝูงชนไว้อีก 3 กองร้อยเพื่อช่วยสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในพื้นที่เพิ่มเติม ส่วนเรื่องการจราจรเชื่อว่าไม่น่าจะได้รับผลกระทบหากเป็นการชุมนุมกันบนลานสกายวอล์คตามการนัดหมาย แต่หากลงบนพื้นผิวการจราจรชื่อว่าจะทำให้เกิดผลกระทบได้ในระดับหนึ่ง
ล่าสุดทางด้านพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข (ผบ.ตร.) ได้ออกมาประกาศกร้าวถึงกลุ่มราษฎร บอกว่า “นัดรวมผลคนไม่มีจะกิน ตีหม้อไล่เผด็จการ” ที่สกายวอล์ก หน้าห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง เวลา 16.00 น. เรื่องการแพร่ระบาดไวรัสโควิด และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินยังจำเป็น ขอความร่วมมือยังไงก็อย่าก่อให้เกิดอะไรที่มันขัดต่อกฎหมาย จริง ๆ ตำรวจไม่อยากใช้มาตรการบังคับกฎหมาย
“ผมเป็นคนที่พยายามไม่ทำอะไรที่ไม่จำเป็น พยายามพูดคุย แต่ถ้าจำเป็นต้องทำผมไม่เคยลังเล ผมทำอย่างนี้มาตลอดชีวิตผม ผมอาจไม่ค่อยพูด แต่ถ้าจะทำผมทำเลย การจัดกิจกรรมขอให้อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย โดยมีการเจรจากันอยู่แล้ว และพยายามให้ทุกคนอยู่ได้ภายในสถานการณ์แบบนี้ จะแสดงความเห็นอะไรก็แล้วแต่ขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย ถ้าขัดกฎหมายก็ต้องดำเนินคดีเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ฝากประชาชนที่จะมาชุมนุม ขอให้ระลึกถึงความสงบเรียบร้อย
นึกถึงว่าเราอยู่ในสถานะที่ต้องช่วยกัน ผมในฐานะคนไทยคนหนึ่งอยากเห็นคนไทยร่วมไม่ร่วมมือ มีการพูดคุยอย่างสร้างสรรค์มากกว่า จะเห็นว่าเราพยายามลีกเหลี่ยงการใช้กำลังมาตลอด อาจจะมีการใช้น้ำฉีดไปคราวก่อนโน้น จริงแล้วถ้าเทียบกับสากลโลกเทียบกันไม่ได้ ประเทศที่เจริญกว่าเราเขาทำหนักกว่านี้เยอะ แต่เราไม่ได้เอาอย่างนั้นมาเป็นตัวตั้ง เราเอาเหตุและผลสังคมของเรา คนไทยก็ใช้วิธีแบบไทย บางครั้งหนักบ้างเบาบ้าง ตำรวจทำอะไรรุนแรงเราก็ขอโทษ แต่ที่เราทำทั้งหมดเราตั้งใจรักษาความสงบเรียบร้อย อยากให้ส่วนรวมสุข เราไม่ได้ดูแลคนกลุ่มเดียวเราดูแลคนทั้งประเทศ”
อย่างไรก็ตามเรื่องการชุมนุมเย็นนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวสั้น ๆ ว่า “มันควรหรือไม่ ถ้าไม่ควรก็อย่าไปสนับสนุนเขา ยังไม่เข็ดหลาบกันอีกหรืออย่างไร”