จากกรณีที่ได้มีการปลุกระดมนักศึกษา ประชาชน เยาวชน กระทั่งเด็กมัธยมผู้ไม่รู้ประสีประสา ให้ออกมาแสดงจุดยืนต่อต้านรัฐบาลลุกลามไปยังเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันในนามกลุ่มเยาวชนปลดแอก พัฒนาเป็นกลุ่มคณะราษฎร
และแตกสายไปเป็นกลุ่มย่อยๆมากมายเพื่อเรียกร้องเงื่อนไขต่างๆ แต่ในทุกๆม็อบทุกการชุมนุมจะมีการโจมตีรัฐบาลและสถาบันพระมหากษัตริย์ มีการให้ข้อมูลแบบผิดๆของเหล่าแกนนำ ที่ปราศัยข้อมูลเพียงด้านเดียวตามความเชื่อสุดโต่งของตน ยกแม่น้ำทั้งห้ามาชักจูงผู้เข้าร่วมชุมนุมราวกับต้องการล้างสมอง ล้างความตระหนักรู้ชั่วดีผิดชอบต่อสังคม ซึ่งผู้ชุมนุมส่วนใหญ่นั้นเป็นคนวัยหนุ่มสาวที่ด้อยประสบการณ์เมื่อได้รับข้อมูลชุดใดแล้ว จึงเชื่อได้โดยง่าย ซึ่งเหล่าแกนนำได้มีการยกระดับความรุนแรงการชุมนุมและขยับเพดานเรื่องราวที่ปราศัยจนเกินขอบเขตไปมาก เป็นเหตุให้มีผู้ต้องหาคดีจากการชุมนุมไปเฉียดร้อยคดี
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ผู้ใช้เฟซบุ๊กบัญชี “Martin Chaiarkorm” ได้แชร์เรื่องราวสุดประทับใจของหัวอกคนเป็นพ่อแม่ เมื่อลูกตาสว่าง เลิกเห็นผิดเป็นชอบ โดยข้อความระบุว่า
“#ปรบมือให้ดังๆกับโพสนี้นะครับทุกท่าน ตื่นเช้านี้ใครมาอ่านโพสนี้เเล้วปรบมือให้ดังๆ เพราะเพื่อนผมได้ลูกชายคนเดิมกลับมาเเล้ว น้องหลงผิดไปกับการเป็นสาวกของไอ้ตี๋ส้ม เป็นติ่งมาสักพักเเล้วก้าวเข้าสู่การเป็นการ์ดในม็อบ…
วันนี้ผมเเละเพื่อนดึงน้องกลับมาได้ เคลียร์ทุกอย่างข้อมูลที่น้องได้รับ การปล่อยข่าวปลอม fake news ปล่อยซ้ำๆจนคนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เสี้ยมทำลายชาติ ให้คนในชาติหรือคนต่าง generation เเตกเเยกเกลียดชังกัน เสี้ยมให้คนเกลียดชังดูหมิ่นต่อสถาบันเบื้องสูง การให้เด็กหยาบคาย การใส่ข้อมูลซ้ำๆ เสี้ยมเรื่องประชาธิปไตยลวงโลก
ผมจัดไปเยอะมากวันนี้ ก่อนหน้านี้น้องเค้าก็เอาตัวเองออกมาจากการ์ดเพราะเห็นความผิดปรกติไม่ชอบมาพากล ผมบอกน้องว่าความรู้อย่างเดียวไม่พอต้องมีประสบการณ์ด้วยเเละฟังข้อมูลด้านอื่นๆด้วย หาfact, หาข้อมูลให้มากๆ ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาเชื่อเพราะการบริโภคสื่อฝ่ายตนเเต่ฝ่ายเดียว
วันนี้ยังยกตัวอย่างมากมาย ทั้งเรื่องประเด็นวัคซีน, ทั้งเรื่องหวู่ฮั่น ทำไมทีจีถึงบินไม่ได้ทำไมอีกสายการบินนึงบินไปเเทน, ทำไมกฎหมายถึงต้องปกป้องบุคคลธรรมดาไม่ให้ใครมาด่า ซึ่งพระมหากษัตริย์ก็ต้องมีกฎหมายปกป้องพระองค์เช่นกัน, ทำไมประชาธิปไตยเเต่ละที่ถึงไม่เหมือนกัน เพราะสังคม วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต บริบททางสังคม ภูมิรัฐศาสตร์ ที่เเตกต่างกัน, คนเราเห็นต่างกันคิดต่างกันได้ เเต่ต้องไม่คิดชั่ว ทำลายล้าง ก้าวล่วงไปถึงการกระทำที่ผิดกฎหมาย, เสรีภาพทุกคนอยากมีเต็มที่เเต่เสรีภาพต้องมาพร้อมกับสิทธิหน้าที่พลเมืองเเละความรับผิดชอบต่อสังคมเเละประเทศชาติเเละปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมือง
***ผมเเละเพื่อน ม.ต้นของผมคนนี้ดีใจมากๆ ที่น้องคิดได้เเละมีสติกลับมา ฝากถึงน้องๆคนรุ่นใหม่, พ่อเเม่ ดูเเลลูกรักลูกให้มากๆ เพื่อนหรือคนที่ผมรู้จัก, คนใกล้ตัวผมเสียลูกไปหรือทะเลาะกันในครอบครัวอย่างเเรงเพราะกลุ่มคนชั่วนี่เเหละที่มันป่วนสังคมอยู่ตอนนี้ อย่าให้คนชั่วมาหลอกใช้เด็กทำลายชาติบ้านเมือง, การสอนให้เด็กหยาบคายไม่ใช่วิถีทางของประชาธิปไตย, ถ้าลูกไปทำผิดกฎหมายบ้านเมืองท้ายที่สุดพ่อเเม่คือผู้ที่เดือดร้อนที่สุด พ่อแม่จะอยู่เคียงข้างลูกถึงที่สุด ส่วนพวกที่หลอกเด็กเป็นเหยื่อมันก็เเค่คนขี้ขลาดมุดกระโปรงหรือเกาะขี้เปียกใต้โสร่ง ขอเราทุกคนอย่านิ่งเฉยต่อคนชั่วที่ล้างสมองเยาวชนโดยการปั่น Fake news ทำลายชาติ ”
และได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า “สังคมอยู่ร่วมกันได้ ในความต่างเเต่ต้องไม่คิดชั่วทำชั่ว เเผ่นดินไทยศักดิ์สิทธิ์”
ทั้งนี้ได้มีประชาชนเข้ามาแสดงความยินดีและชื่นชมเยาวชนคนดังกล่าวมากมาย เช่น
“ความดีงามเกิดขึ้นในใจ พ่อแม่บรรพบุรุษภาคภูมิใจ ที่เมื่อไหร่ก็ตามมีคนกลับตัวกลับใจ สังคมให้อภัยในสิ่งที่หลงผิดไป ขอต้อนรับกลับสู่ความสุขและความสว่าง หลังจากหลงทางในความมืดครับ ”
“ดีใจค่ะ ที่เราจะมีประชาชนคนไทยเพิ่มมาอีกหนึ่ง อยากให้มีแบบนี้มาเรื่อยๆ กลับตัว กลับใจ ไม่มีคำว่าสาย หากไม่ถลำลึกไปมากกว่านี้”
“ต้องบอกว่าลึกๆน้องเค้าต้องเป็นคนดี และรับฟังเหตุผล ไม่อย่างนั้นเค้าก็คงไม่ฟังว่าข้อมูลต่างๆเป็นอย่างไร ยินดีด้วยกับครอบครัวน้องเค้าด้วยนะคะ ที่ได้ลูกกลับคืนมาไม่ใช่เพราะว่าเค้าต้องเชื่อเราในเรื่องของการเมือง แต่ยินดีในฐานะที่แม่คนหนึ่งได้ลูกกลับมาอย่างปลอดภัย ”
“ดีใจกับน้องเขาจริง ๆ ครับ ดุจดั่งบัวที่โผล่พ้นจากทะเลที่เน่าเหม็นด้ขยข้อมูลเท็จและกักฬะมาได้แล้ว ต่อไปนี้ขอให้น้องเห็นความจริงและสิ่งดีงามที่ถูกต้องตลอดไป”