รปห.เมียนมา ตัดเหี้ยน IO FB-IG-Twitter หมด

2575

ยังคงตามติดสถานการณ์ต่อ สำหรับกรณีที่ กองทัพเมียนมาได้ควบคุมตัวออง ซาน ซูจี ผู้นำพรรค NLD พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกหลายคนของพรรครัฐบาลเมียนมาในช่วงเช้าของวันจันทร์ ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา ถือเป็นการทำรัฐประหารหลังจากส่งมอบอำนาจให้กับรัฐบาลพลเรือนในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี

โดยกองทัพได้ออกมาเปิดเผยว่า การรัฐประหารครั้งนี้เกิดขึ้น เนื่องจากการโกงการเลือกตั้งในการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 ซึ่งพรรคของออง ซาน ซูจี ได้รับชัยชนะไปอย่างท่วมท้น

ในแถลงการณ์ทางช่องโทรทัศน์ทหาร ระบุว่า นายพลมิน อ่อง หล่าย เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศเมียนมาในขณะนี้ และประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 1 ปี

ขณะที่ ในเวลาต่อมา จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติของเมียนมา (เอ็มอาร์ทีวี) ระงับออกอากาศชั่วคราว สัญญาณอินเทอร์เน็ต และสัญญาณเครือข่ายโทรศัพท์ถูกตัด นักข่าวจำนวนมากถูกเรียกเข้าค่ายทหาร ทหารในเครื่องแบบเริ่มเคลื่อนกำลังเข้าควบคุมสถานที่ราชการหลายแห่งในเมืองย่างกุ้ง รวมถึงศาลว่าการเมือง รวมถึงมีเจ้าหน้าที่ทหารบนท้องถนนในกรุงเนปิดอว์และนครย่างกุ้ง

โดยในการรัฐประหารครั้งนี้ มีการสกัดไม่ให้เกิดการชุมนุมเพื่อต่อต้านการรัฐประหาร โดยทางกองทัพพม่าเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพื่อสกัดกั้นไม่ให้เกิดการรวมตัวต่อต้านรัฐประหาร ด้วยการตัดการสื่อสารทางอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือในกรุงเนปิดอ และนครย่างกุ้งที่เป็นเมืองหลวงเก่า ซึ่งปัจจุบันยังคงเป็นศูนย์กลางด้านธุรกิจการค้า ทหารได้เข้ายึดศาลาว่าการเมืองก่อนที่กองทัพจะออกแถลงการณ์ทางทีวี นอกจากนั้นยังมีรถบรรทุกหลายคันที่ขนเหล่าผู้สนับสนุนกองทัพวิ่งทั่วย่างกุ้งเพื่อฉลองการยึดอำนาจ ขณะที่สมาชิกเอ็นแอลดีได้รับคำสั่งจากกองกำลังความมั่นคงให้เก็บตัวอยู่บ้าน

นอกจากนี้ ในนครย่างกุ้งมีทหารและตำรวจปราบจลาจลรักษาการณ์ ท่ามกลางสถานการณ์โกลาหลที่ประชาชนรีบออกไปซื้อข้าวของจำเป็นตุนไว้ และอีกหลายคนเข้าคิวรอถอนเงินจากตู้เอทีเอ็ม และต่อมาไม่นานธนาคารก็พากันระงับการให้บริการเนื่องจากการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมีปัญหา

ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 มีความเคลื่อนไหวสำหรับชาวเมียนมาในประเทศไทยล่าสุดที่บริเวณด้านหน้าองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย ชาวเมียนมาที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยจำนวนหนึ่ง นัดรวมตัวกันเพื่อร่วมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ จากกรณีที่กองทัพเมียนมาก่อรัฐประหาร ด้วยการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 1 ปี และควบคุมตัว นางอองซาน ซูจี

ซึ่งมีการจัดกิจกรรมร้องเพลงชาติเมียนมา และการชูป้ายข้อความคัดค้านการกระทำของกองทัพเมียนมา รวมทั้งชูรูปของ นางอองซาน ซูจี โดยกิจกรรมใช้ระยะเวลาประมาณ 20 นาที โดยก่อนเริ่มกิจกรรม นายไซ เหลา ใหม่ นักธุรกิจย่านประตูน้ำชาวเมียนมา ได้เดินทางมาร่วมพูดคุยกับตัวแทนชาวเมียนมา เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกิจกรรมที่จะเกิดขึ้น

ทั้งนี้ นายไซ กล่าวว่า ที่เมียนมาประชาชนไม่สามารถออกมาเคลื่อนไหวได้ แต่ทุกคนก็ไม่ได้นิ่งเฉย มีการเคลื่อนไหวรูปแบบออนไลน์ ผ่าน #savemyanmar วันนี้ เมื่อทราบว่าจะมีชาวเมียนมามารวมตัวกัน รู้สึกวิตกกังวล และกลัวจะซ้ำรอยเหตุการณ์วันที่ 1 กุมภาพันธ์ จึงเดินทางมาสื่อสาร เพราะไม่อยากให้ปัญหาในลักษณะเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีก เนื่องจากหากชาวเมียนมาถูกดำเนินคดีจะไม่มีใครสามารถช่วยเหลือได้ จึงมาบอกให้ทุกคนดำเนินกิจกรรมด้วยความสงบเรียบร้อย และให้แยกย้ายหลังสิ้นสุดกิจกรรม

วันนี้ 4 กุมภาพันธ์ 2564  มีรายงานข่าวอีกว่า กองทัพเมียนมา ได้บล็อกเฟซบุ๊ก ไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ ด้วยเหตุผล “เพื่อรักษาเสถียรภาพด้านความมั่นคงภายใน” เนื่องจากตรวจสอบพบว่า “บุคคลบางกลุ่ม” กำลังบ่อนทำลายเสถียรภาพด้านความมั่นคงภายในเมียนมา ด้วยการเผยแพร่ข่าวเท็จ และข้อมูลอันบิดเบือน ซึ่งมีข้อมูลรายงานด้วยว่า เฟซบุ๊กถือเป็นโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในเมียนมา มีผู้ใช้มากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากร 50 ล้านคนในประเทศ

ขณะที่รายงานยังระบุอีกว่า เน็ตบล็อกส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรอิสระสังเกตการณ์ด้านการใช้อินเทอร์เน็ต ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เอ็มพีที ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจด้านการสื่อสารโทรคมนาคมของเมียนมา ไม่ได้เพียงปิดกั้้นการเข้าถึงเฟซบุ๊ก แต่ยังรวมถึงอินสตาแกรม เมสเซนเจอร์ เซอร์วิส และวอตต์สแอปป์ ซึ่งเป็นบริการในเครือของเฟซบุ๊กด้วย

ในเวลาเดียวกัน บริษัทเทเลนอร์ของนอร์เวย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมเพียงไม่กี่แห่งของเมียนมา ที่เป็นผู้ประกอบการจากต่างประเทศ มีแถลงการณ์ “วิตกกังวล” และไม่เชื่อว่ามาตรการของทางการเมียนมา ดำเนินการตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนระดับสากล

ต่อมาที่สำนักงานใหญ่ของเฟซบุ๊ก ที่เมืองเมนโล ปาร์ค ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ออกแถลงการณ์ว่า รับทราบและกำลังติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งขอเรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมาฟื้นคืนการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มของบริษัทโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่สำคัญ

ล่าสุด จากการระงับใช้งานเฟซบุ๊กดังกล่าว ยังมีรายงานจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Jaroensook Limbanchongkit Pone” โพสต์ข้อความระบุว่า “รัฐบาลเมียนมา #Myanmar สั่งผู้ให้บริการมือถือ และอินเทอร์เน้ต บล้อก Twitter IG Instagram ไม่มีกำหนด ระบุยั่วยุและเป็นแหล่งแพร่กระจาย #ข่าวปลอม #FakeNews ก่อนหน้านี้ได้บล็อก Facebook”

ทั้งนี้ ทวิตเตอร์ได้ออกแถลงการณ์ หลังทางการเมียนมาออกคำสั่งปิดกั้นทวิตเตอร์ และอินสตราแกรม โดยระบุว่าทางทวิตเตอร์รู้สึกเป็นห่วงสถานการณ์ ที่เกิดขึ้นในเมียนมาอย่างมาก เนื่องจากเป็นการปิดกั้นการสื่อสาร และสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ต้องการส่งเสียงและแสดงความคิดเห็น

อย่างไรก็ตาม  การระงับใช้งานครั้งนี้เป็นผลมาจากที่ ชาวเมียนมาจำนวนมากเปลี่ยนไปใช้สื่อทวิตเตอร์ หลังจากที่กองทัพเมียนมาสั่งระงับบริการของเฟซบุ๊ก

รายงานชี้ว่า ชาวเมียนมาใช้แฮชแท็ก #RespectOurVotes #HearTheVoiceofMyanmar และ #SaveMyanmar ในการแสดงจุดยืนต่อต้านการยึดอำนาจ และสนับสนุนแนวทางประชาธิปไตยโดยเรียกร้องให้เคารพผลการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนซึ่งพรรคเอ็นแอลดีของนางออง ซาน ซู จี เป็นฝ่ายชนะอย่างท่วมท้น