“ทูตนริศโรจน์” ไล่หวดนักการเมือง พวกคลั่งปชต. ยันม็อบ3 กีบ อ้างประชาธิปไตยโจมตีรบ. แต่ปิดปากเงียบ “เผด็จการรัฐสภา”

1812

จากกรณที่นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก ระบุว่า

“ฝ่ายที่ชอบเรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย (มากกว่าคนอื่น ?) นั้น ไม่ผิดหรอกถ้าคุณไม่ชอบการรัฐประหาร ไม่ผิดหรอกถ้าคุณไม่ชอบเผด็จการ
แต่ที่สงสัยที่สุดคือ ทำไมตอนที่ประเทศเรามีนักการเมืองที่ทำตัวเป็นเผด็จการรัฐสภา บงการชี้นิ้วโดยคนๆเดียว ใช้อำนาจแทรกแซงองค์กรยุติธรรม พยายามครอบงำองค์กรอิสระเพื่อให้เอนเอียงมาทางตัวเอง ทั้งๆที่องค์กรอิสระควรเป็นกลางและเป็นที่พึ่งของชาวบ้าน ครอบงำสื่อ อุ้มฆ่า / ฆ่าตัดตอน ซึ่งมีจำนวนคนถูกอุ้มหาย/ฆ่าตัดตอนมีตัวเลขหลักฐานเชิงประจักษ์จนถึงทุกวันนี้

ทำไมฝ่ายที่เรียกตัวเองว่า ฝ่ายประชาธิปไตย ถึงเลือกปฏิบัติ เงียบกริบ ไม่แสดงการคัดค้านอะไรเลย ?
พฤติกรรมของนักการเมืองเยี่ยงนี้ได้ทำการ “ประหารรัฐ” ซึ่งไม่ต่างอะไรจากการ “รัฐประหาร” เลย หรืออาจเลวกว่าด้วยซ้ำ เพราะมีการให้ท้ายกลุ่มคนที่ทำการจาบจ้วงล่วงเกินสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

แน่ใจหรือว่าพวกคุณเป็นฝ่ายประชาธิปไตยจริงๆ?”

อย่างไรก็ตามการทำตัวเป็นเผด็จการรัฐสภาที่ถูกกล่าวถึงเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลของทักษิณ ชินวัตร กรณีการควบรวมพรรคชาติพัฒนา พรรคเสรีธรรม เข้ากับพรรคไทยรักไทย จนทำให้จำนวนเสียงของพรรคเป็นเสียงข้างมากในสภาและสามารถบริหารประเทศได้ด้วยเสียงของพรรคเดียว ส่งผลให้เกิดเผด็จการรัฐสภาเนื่องจากสมาชิกสภาราษฎรไม่กล้าโหวตไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต้องทำตามมติพรรคไทยรักไทย จึงส่งผลให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจฝ่ายรัฐบาลมักได้เสียงไว้วางใจเนื่องจากผู้ไม่ทำตามมติพรรคโดยโหวตไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีจะถูกลงโทษ และยังมีการครอบงำสมาชิกพรรคการเมืองว่าต้องโหวตตามมติพรรคในเรื่องต่างๆ อาทิ การออกกฎหมายต่างๆ ตามความต้องการของทักษิณ ตัวอย่างเช่น ออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อทักษิณโดยเฉพาะ เป็นการทำลายบทบาทของรัฐสภาในการทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล ครอบงำวุฒิสภา รัฐสภาและรัฐบาลเป็นเนื้อเดียวกันแทนที่จะเป็นอิสระแยกกันตามหลักประชาธิปไตย

ทั้งนี้ทักษิณยังทำลายระบบสื่อมวลชนด้วยการแทรกแซงสื่อ กดดัน คุกคามสื่อที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ตัวอย่างเช่น การสั่งให้ อสมท ถอดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ของสนธิ ลิ้มทองกุล และรายการของเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง หรือสั่งให้กรมสรรพากรตรวจสอบภาษี หรือสั่งให้ธนาคารพาณิชย์ของรัฐตรวจสอบธุรกรรมการเงินของสถานีวิทยุบางแห่งที่เห็นตรงข้ามกับตน

ทั้งยังกดดันสื่อมวลชนผ่านงบโฆษณาภาครัฐ สื่อที่วิพากษ์วิจารณ์ทักษิณจะถูกตัดรายได้จากงานโฆษณาของภาครัฐ ส่วนสื่อที่ละเว้นการเสนอข่าวด้านลบของรัฐบาลจะได้รับงานโฆษณาภาครัฐเต็มที่ มีการพยายามยึดอำนาจรัฐทุกรูปแบบ ครอบงำกลไกการตรวจสอบทั้งวุฒิสภาและองค์กรอิสระ และใช้หน่วยงานรัฐบางแห่ง กรมสรรพากร ตำรวจ เป็นเครื่องมือสร้างความกลัวให้กับผู้ที่ออกมาคัดค้าน ทักท้วง วิจารณ์รัฐบาล เพื่อให้หยุดส่งเสียงวิพากษ์รัฐบาล

มีการพยายามทำลายองค์กรอิสระทั้งหลายตามรัฐธรรมนูญ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ถูกแทรกแซงครอบงำโดยตลอด ผ่านการสรรหา การแต่งตั้ง การวินิจฉัยชี้ขาด ตัดลดงบประมาณ ทำให้องค์กรเหล่านี้อ่อนแอ ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ออกกฎหมายในรัฐสภาตามคำสั่งของทักษิณ ตัดตอนการตรวจสอบถ่วงดุล ใช้ครอบครัวและวงศ์วานว่านเครือเป็นศูนย์กลางการบริหารอำนาจและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการใช้อำนาจ

สุดท้ายรัฐบาลทักษิณก็คือรัฐบาลเผด็จการ สืบทอดอำนาจภายในวงศ์วานว่านเครือ มีตำรวจและอันธพาลเป็นเครื่องมือคอยจัดการปิดปากคนที่รู้ทัน ประชาชนถูกปิดตาหล่อเลี้ยงด้วยนโยบายประชานิยม เป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเพียงเปลือกนอก แต่เนื้อแท้เป็นระบอบเผด็จการ รัฐสภาและรัฐบาลเป็นเนื้อเดียวกัน รัฐสภามีหน้าที่ทำตามความต้องการของทักษิณ ฝ่ายค้านเหมือนไร้ตัวตน ทำลายอำนาจตุลาการและศาลยุติธรรม แทรกแซงการแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญๆ ก่อกวน ข่มขู่ ไร้หลักนิติธรรม นิติรัฐ ทำลายระบบคุณธรรมในระบบราชการ แต่งตั้งตำแหน่งสำคัญๆ โดยไม่ต้องคำนึงถึงความรู้ ความสามารถ ยึดแต่ความจงรักภักดีต่อจอมเผด็จการเป็นพอ ทำให้ภาครัฐอ่อนแอไม่สามารถเป็นกลไกการพัฒนาประเทศ

น่าแปลกใจที่คดีความของทักษิณนั้นถูกตัดสินว่ามีความผิดอย่างชัดเจน และยังมีรูปแบบการปกครองที่กุมอำนาจทั้งสภาไว้ในมือ จนถูกขนานนามว่าเป็นรัฐบาลเผด็จการรัฐสภา แม้ว่าจะอ้างว่าตนมาจากการเลือกตั้งก็ตาม แต่การที่รัฐสภาไม่สามารถตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้ เป็นการบริหารประเทศโดยไร้ความโปร่งใสอย่างแท้จริง ทั้งนี้ทักษิณไม่เข้าประชุมสภาฯ ไม่ตอบกระทู้ของฝ่ายค้าน ทำให้ชาวบ้านไม่รู้ข้อเท็จจริงการทำงานของรัฐบาลผ่านการอภิปรายในสภาฯ แม้ว่าจะถูกเปิดโปงถึงความหายนะของรัฐบาลทักษิณ แต่กลุ่มคนที่อ้างว่าตนเองอยู่ฝั่งประชาธิปไตย กลับปิดหูปิดตาทำเป็นมองไม่เห็นเรื่องนี้ ช่างน่าฉงนใจว่าประชาธิปไตยในอุดมคติของคนเหล่านี้เป็นอย่างไรกันแน่?