แบงก์แสตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(ไทย)ชี้ปี 64 เศรษฐกิจค่อยๆฟื้น!?! คาดจีดีพีโต 3.1% แนะรัฐเพิ่มวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ

1902

ครึ่งวันแรกวันนี้ ที่เปิดลงทะเบียน “เราชนะ” ทะลุ 5 ล้านคนแล้ว ระบบไม่มีปัญหา รองรับได้ 5 แสนคนต่อวินาที ย้ำไม่ต้องแย่งกันเปิดลงได้ถึงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ขณะที่แสตนดาร์ดชา์เตอร์(ไทย)แนะรัฐเพิ่มวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ มองจีดีพีไทยโต 3.1% ใกล้เคียงกับกระทรวงการคลัง มองจีดีพีปีนี้โตได้ 2.8%

เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 64 นางสาวกุลยา ตันติเตมิท โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังจากกระทรวงการคลังเปิดรับลงทะเบียนออนไลน์ สำหรับกลุ่มที่ไม่ได้ถือบัตรสวัสดิการฯ และกลุ่มที่ไม่ได้อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอพพลิเคชัน “เป๋าตัง” ทั้งคนละครึ่งและเราเที่ยวด้วยกัน ได้เปิดให้ลงทะเบียนผ่านทาง www.เราชนะ.com ในช่วง 2 ชั่วโมงแรก มีผู้ลงทะเบียนแล้วกว่า 2 ล้านคน ระบบการลงทะเบียนของ ธ.กรุงไทย ไม่มีปัญหาขัดข้องแต่อย่างใด สามารถรองรับการลงทะเบียนได้ 5 แสนคนต่อวินาที ขณะที่ประชาชนเห็นว่า รัฐบาลเปิดให้ลงทะเบียนต่อเนื่อง จากวันที่ 29 ม.ค. – 12 ก.พ. 64 ตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น. เพราะไม่ได้จำกัดจำนวนผู้ลงทะเบียน

สำหรับกลุ่มอยู่ในฐานข้อมูล แอพพลิเคชัน “เป๋าตัง” คนละครึ่งและเราเที่ยวด้วยกัน ได้ยืนยันตัวตนไปแล้วก่อน วันที่ 27 ม.ค. 64 ไม่ต้องลงทะเบียนออนไลน์ เพราะจะได้คัดกรองและตรวจสอบสิทธิ์ การเข้าร่วมโครงการเราชนะโดยอัตโนมัติ โดยสามารถตรวจสอบสถานะการได้รับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. 64 เป็นต้นไป จากนั้นให้ยืนยันตัวตนเพื่อรับวงเงินสิทธิ์ได้ ตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ. 64 โดยท่านจะได้รับวงเงินเพิ่มเป็นรายสัปดาห์ทุกวันพฤหัสบดีจนครบวงเงินสิทธิ์

ดร.ทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ (ไทย) เปิดเผยว่า ธนาคารประเมินการเติบโตของเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ปีนี้ที่3.1%โดยมองว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่0.5%ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 3 ก.พ. 2564 และจะคงดอกเบี้ยไปตลอดทั้งปี 2564 ด้วยเช่นกัน

โดยการฟื้นตัวน่าจะเป็นไปอย่างช้า ๆ โดยมีปัจจัยการเมืองภายในประเทศและความไม่ชัดเจนของการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวที่ต้องจับตา ส่วนจีดีพีไทยปี 2565 คาดว่าอยู่ที่ 2.5% ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น และมีโอกาสขยับขึ้นหากมีนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง

ส่วนเงินบาทยังคงแข็งค่าสอดคล้องกับสกุลเงินอื่นในภูมิภาค แต่ไม่สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอของประเทศ โดยปัจจุบันแกว่งตัวอยู่ในระดับ30บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยมีมุมมองว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นไปอีก คาดว่าเงินบาทจะอยู่ที่29.75บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงกลางปีนี้ และอยู่ที่29บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงสิ้นปี 

ดร.ทิมกลาวเพิ่มเติมว่า “เราให้จีดีพีอยู่ที่ 3.1% น้อยกว่าคนอื่น และเป็นไปอย่างระมัดระวัง ไม่ได้มากหรือน้อยเกินไปเช่นเดียวกับปี 65 เราให้ 2.5% ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น เพราะเราอยากเห็นความชัดเจนของนโยบายการคลัง แม้ว่าหนี้สาธารณะจะแตะเพดานกรอบ 60% จากคาดการณ์สิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 57% แม้ว่าจะทำอะไรได้ไม่เยอะ แต่อยากเห็นนโยบายที่ถูกจุดที่ทำให้นักท่องเที่ยวกลับมา การเมืองนอกสภาไม่เป็นอุปสรรค และการลงทุนในเมกะโปรเจ็กต์ จะมีผลต่อการเติบโตเศรษฐกิจที่มากกว่านี้ได้”

ในมุมมองเศรษฐกิจของกระทรวงการคลังนั้น นางสาวกุลยา ตันติเตมิท โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะขยายตัวที่ 2.8% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 2.3% ถึง 3.3%) ปรับลดจากการประมาณการครั้งก่อน

เนื่องจากสถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ระบาดในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทย การเดินทางระหว่างประเทศ และจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ทำให้คาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในปี 2564 จะลดลง

ทั้งนี้มีสัญญาณบวกจากการได้รับวัคซีนของประชากรในประเทศต่าง ๆ ในระยะต่อไป ประกอบกับภาครัฐได้ดำเนินมาตรการทางการคลังเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อาทิ โครงการคนละครึ่ง โครงการเราชนะ และมาตรการด้านการเงินเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ

ประกอบกับคาดว่าจะมีการเบิกจ่ายเงินจากพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 ในส่วนที่เหลืออย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการบริโภคและการจ้างงานให้เพิ่มสูงขึ้น

โดยคาดว่าการบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวที่ 2.5% ต่อปี (คาดการณ์ที่ 2.0% ถึง 3.0%) และ 3.4% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 2.9% ถึง 3.9%) ตามลำดับ ขณะที่การบริโภคภาครัฐและการลงทุนภาครัฐจะขยายตัวที่ 6.1% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 5.6% ถึง 6.6%) และ 12.1% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 11.6% ถึง 12.6%) ตามลำดับ

สำหรับมูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยจะขยายตัวที่ 6.2% ต่อปี (คาดการณ์ที่ 5.7% ถึง 6.7%) โดยมีแนวโน้มฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ ในด้านเสถียรภาพภายในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2564 จะอยู่ที่ 1.3% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 0.8% ถึง 1.8%) ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีทิศทางสูงขึ้นและการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ