ก.คมนาคมเมิน?? สภาพัฒน์เบรกซ้ำสร้างเทอร์มินัล 2 สุวรรณภูมิ สั่งทอท.ทำแผนศึกษาให้ชัดเสนอภายใน 60 วัน ขืนยังดันทุรังระวังเสี่ยงคุก

1923

การพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ โดยการสร้างเทอร์มินัลใหม่เพื่อรองรับผู้โดยสารถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง เมื่อคมนาคมประกาศมอบให้ทอท.สร้างเทอร์มิน้ลรอบทิศ 3 โครงการ กลบกระแสต้านเทอร์มินัล 2 ตัดแปะไปเลย ทั้งๆที่สภาพัฒน์ฯคัดค้านถึงสองครั้ง และล่าสุดป.ป.ช.ส่งเรื่องเบรก แต่กระทรวงคมนาคมกลับไฟเขียวให้สร้างเพิ่ม โดยไม่สนใจปัญหาคาราคาซังเรื่อง ข้อท้วงติง การสร้างเทอร์มินัล 2 ที่มีข้อครหาว่าตัดแปะ และถูกท้วงติงข้ามปีทั้ง จากสภาพัฒน์ฯและองค์กรต้านทุจริต ตลอดจนองค์กรวิชาชีพด้านสถาปัตยกรรมของไทย และที่สำคัญล่าสุดถูกท้วงติงจากป.ป.ช.ด้วย

โครงการใดก็ตามที่ ป.ป.ช.ส่งเอกสารแจ้งเตือน หรือท้วงติง แล้วหากดึงดันดำเนินการต่อไป นั่นแสดงว่ามีข้อพิรุธอยู่ในตัวเอง และอาจส่งผลตามมาอีกสองประการ คือ 1) โครงการดึงดันทำต่อเหล่านั้นจะเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติส่วนรวมจริง และ 2) ผู้เกี่ยวข้องกับโครงการนั้นมักจะถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ถูกดำเนินคดี และติดคุกติดตะรางในที่สุด

ณ วันนี้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ยังคงดึงดันต้องการก่อสร้างอาคารเทอร์มินัล 2 ทางทิศเหนือตามแผนเดิม ทั้งที่ถูกกลุ่มวิชาชีพสถาปัตย์และวิศวกรรมที่คัดค้านขนานนามว่า เทอร์มินัลตัดแปะ (เนื่องจากอยู่นอกแผนแม่บทเดิม และเป็นอาคารที่จะมีพื้นที่พาณิชย์จำนวนมาก กึ่งๆ ห้างสรรพสินค้า) แนวทางการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิตามแผนแม่บท คือ สร้างส่วนต่อขยายเทอร์มินัล 1 ด้านทิศตะวันออก

แต่กลับถูกเปลี่ยนแปลงไปในภายหลัง จนปัจจุบันแม้สภาพัฒน์จะคัดค้านเทอร์มินัลตัดแปะอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรถึงสองครั้ง (พร้อมแนะนำให้ดำเนินการตามแผนแม่บทเดิม) แต่ ทอท.และกระทรวงคมนาคมก็ยังพยายามผลักดันก่อสร้างอาคารเทอร์มินัล 2 ทางทิศเหนือ วงเงินลงทุน 42,000 ล้านบาท ต่อไป

ที่ผ่านมาสภาพัฒน์ยืนยันความเห็นชัดเจนว่า ให้ ทอท.เร่งขยายเทอร์มินัล 1 ทางด้านทิศตะวันออก แทนที่จะไปก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ โดยแนวทางที่สภาพัฒน์ได้นำเสนอนั้น มีเหตุผลประกอบชัดเจน และสอดคล้องกับข้อเสนอแนะและข้อท้วงติงจากสภาวิชาชีพสถาปัตย์และวิศวกรรม องค์กรวิชาชีพ 12 องค์กร ตลอดจนภาคประชาสังคมที่ติดตามเรื่องนี้

ประเด็นที่ ปปช.ส่งหนังสือถึงครม.ไม่เอาเทอร์มินัล 2 เมื่อไม่นานมานี้ก็ได้ระบุชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินงานของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)ดังนี้:

  1. การเปลี่ยนแผนการขยายเทอร์มินัล 1 ด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกเป็นการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือจะทำให้เกิดความแออัดที่เทอร์มินัล 1 และจะทำให้อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ซึ่งกำลังจะเปิดใช้ในอีกไม่นานทำหน้าที่ได้ไม่สมบูรณ์แบบ เพราะไม่มีผู้โดยสารจากส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันออกมาป้อนให้ตามที่ได้วางแผนไว้ ทั้งนี้ ส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันออกนั้น ครม.ได้อนุมัติแล้วตั้งแต่ปี 2553 มีแบบรายละเอียดการก่อสร้างแล้ว โดย ทอท.ได้จ่ายค่าจ้างออกแบบแล้วด้วย และได้รับความเห็นชอบผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมแล้ว
  2. ขีดความสามารถของส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือซึ่ง ทอท.อ้างว่าจะรองรับผู้โดยสารได้ 30 ล้านคนต่อปีนั้นเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากมีหลุมจอดประชิดอาคารเพียง 14 หลุมเท่านั้น ทั้งนี้ ได้มีการศึกษาเปรียบเทียบความจุของหลุมจอดประชิดอาคารที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันพบว่าเป็นไปไม่ได้ที่หลุมจอดประชิดอาคารจำนวน 14 หลุม จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 30 ล้านคนต่อปี
  3. ส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือจะก่อให้เกิดหลากหลายปัญหาตามมา เช่น (1) ผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวกเพราะต้องใช้รถไฟฟ้าไร้คนขับถึง 3 สาย จึงจะได้ขึ้นเครื่องบิน และ (2) ทำให้รถใช้มอเตอร์เวย์เข้า-ออกสนามบินสุวรรณภูมิมากขึ้น เนื่องจากส่วนต่อขยายด้านทิศเหนืออยู่ใกล้มอเตอร์เวย์ ส่งผลให้รถติดบนมอเตอร์เวย์ ผู้โดยสารจะต้องเผื่อเวลาการเดินทางไปสนามบินเพิ่มมากขึ้น เป็นต้น
  4. การก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 42,000 ล้านบาท โดย ทอท.อ้างว่าจะรองรับผู้โดยสารได้ 30 ล้านคนต่อปี เมื่อเปรียบเทียบกับการขยายเทอร์มินัล 1 ด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกซึ่งสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 30 ล้านคนต่อปีเช่นเดียวกัน แต่ใช้เงินลงทุนเพียงประมาณ 12,000 ล้านบาทเท่านั้น หรือประหยัดเงินได้ถึง 30,000 ล้านบาท
  5. เป็นการยากที่สนามบินสุวรรณภูมิจะมีขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 150 ล้านคนต่อปี ตามที่ ทอท.กล่าวอ้าง เนื่องจากมีข้อจำกัดในเขตการบินหรือแอร์ไซด์ อีกทั้ง ไม่มีความจำเป็นจะต้องเพิ่มความจุให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 150 ล้านคนต่อปี เพราะในอนาคตผู้โดยสารจะกระจายไปใช้สนามบินดอนเมืองและสนามบินอู่ตะเภาด้วย โดยใช้รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และจากการดูข้อมูลจำนวนผู้โดยสารในสนามบินต่างๆ ทั่วโลก พบว่ามีเพียง 2 สนามบินเท่านั้นที่มีผู้โดยสารถึง 100 ล้านคนต่อปี ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือเพื่อทำให้สนามบินมีความจุถึง 150 ล้านคนต่อปี

หลังจากได้พิจารณาข้อเท็จจริงแล้ว คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีข้อเสนอแนะให้ ทอท.ดำเนินการดังนี้

  1. เร่งขยายเทอร์มินัล 1 ด้านทิศตะวันออก ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2553 รวมทั้งขยายด้านทิศตะวันตกด้วย เพื่อให้สนามบินสุวรรณภูมิสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 75 ล้านคนต่อปี
  2. ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของสภาพัฒน์ที่ให้ขยายด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ตามด้วยก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ด้านทิศใต้ใกล้ถนนบางนา-ตราด เพื่อให้สนามบินสุวรรณภูมิสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 120 ล้านคนต่อปี เป็นลำดับแรกก่อน แล้วจึงนำส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือมาพิจารณาว่ายังคงมีความจำเป็นอีกหรือไม่

ข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช. สะท้อนว่า ป.ป.ช.ก็ไม่เห็นด้วยกับการสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือหรือเทอร์มินัล 2 ตัดแปะ ทราบว่าเมื่อไม่นานทานี้ ป.ป.ช.ได้มีหนังสือถึงเลขาธิการ ครม.แล้ว เพื่อเสนอ ครม.พิจารณาต่อไป คงต้องเกาะติดว่านายกรัฐมนตรี และ ครม.จะทำตามข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช.หรือไม่?