จากกรณีที่นายปิยบุตร แสงกนนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้เผยแพร่บทความต่างๆที่พาดพิงถึงสถาบันกษัตริย์อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวัน ผ่านทางเฟซบุ๊ก
และยังมีหลายๆบทความหรือประเด็นที่นายปิยบุตรเผยแพร่ มีการบิดเบือนรวมถึงให้ข้อมูลเพียงครึ่งเดียว อันนำไปสู่ความเข้าใจผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และความขัดแย้งในสังคม
โดยเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 63 นายปิยบุตร ได้โพสต์ข้อความ พาดพิงถึงการปฏิญาณตนของพระมหากษัตริย์ พร้อมแนบคลิปวิดีโอที่ตนได้พูดถึงกรณีดังกล่าว โดยข้อความระบุว่า
“การปฎิญาณตนก่อนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีและตำแหน่งกษัตริย์
เหตุใดประมุขของรัฐในแทบทุกประเทศต้องมีการปฎิญาณตนก่อนเข้ารับตำแหน่ง? ข้อความและเนื้อหาของถ้อยคำปฎิญาณตนมีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร? และต้องปฏิญาณเพื่อแสดงสัญลักษณ์ใด?
หลายประเทศที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ พระมหากษัตริย์ต้องปฎิญาณตนต่อหน้ารัฐสภาหรือในที่สาธารณะ ประเทศที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุขก็ต้องปฎิญาณตน
แต่ในประเทศไทยผู้เข้ารับตำแหน่งต่างๆ ที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญหรือตำแหน่งที่ต้องใช้อำนาจรัฐก็ล้วนต้องทำการปฏิญาณตน แต่มีตำแหน่งเดียวที่ไม่ได้กำหนดไว้!”
ล่าสุด วันนี้ 27 มค.64 นายคำรณ ปราโมช ณ อยุธยา ผู้ก่อตั้งและอดีตกรรมการผู้จัดการนิตยสารอิมเมจ บุตรของ ม.ล.เสรี ปราโมช ซึ่งเป็นหลานของ ม.ร.ว.เสนีย์ และ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช โพสต์เฟซบุ๊ก ”Kamron Pramoj”
“นายปิยบุตร ออกมาพูดถึงที่จะให้พระมหากษัตริย์ปฎิญานตนต่อหน้ารัฐสภา หรือในที่สาธารณะนั้น ทั้งๆที่ทราบว่า
ในรัชสมัยของล้นเกล้าพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ เมื่อครั้งพระราชพิธีสถาปนาตำแหน่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร ในปี ๒๕๑๕ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาขึ้น เป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีสถาปนาฯ และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน ทรงร่วมดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ร่วมกับผู้ได้ร่วมพิธีในครั้งนั้น
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมารในขณะนั้น ได้ทรงมีพระราชดำรัสถวายสัตย์ปฏิญาณต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ความว่า จะทรงรักษาเกียรติยศและอิสริยศักดิ์ที่พระราชทานไว้เสมอ จะภักดีต่อชาติบ้านเมือง จะซื่อสัตย์ต่อประชาชน จนตราบเท่าชีวิตร่างกายจะหาไม่
พระมหากษัตริย์ไทยมาจากการสืบสันตติวงศ์ ที่เหมือนกันทุกประเทศ ที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างอังกฤษก็จะเป็น Prince of Wales หรือ ประเทศอื่นก็ Crown Prince หรือ Crown Princess เมื่อมงกุฎราชกุมาร หรือราชกุมารีเสด็จขึ้นครองราชย์ ก็ไม่เคยปรากฏว่า กษัตริย์ของชาติใดๆในโลกต้องปฎิญาณตน หากแต่จะทรงมีพระราชดำรัส อย่างไร ในวันขึ้นครองราชย์
สำหรับราชประเพณีของไทย ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ จนถึง รัชกาลปัจจุบันนั้น พระมหากษัตริย์ที่ทรงรับบรมราชาภิเษกแล้ว จะพระราชทาน ” พระปฐมบรมราชโองการ ”
พระปฐมบรมราชโองการ นับตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ จนถึงรัชกาลที่ ๑๐ มีเนื้อความเปลี่ยนแปลงมาตามยุคสมัย ซึ่งล้วนแต่แสดง ถึงพระราชปณิธาน ในฐานะทรงเป็นผู้รับพระราชภาระแห่งบ้านเมือง
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระปฐมบรมราชโองการพระราชทานอารักขา แก่ประชาชนชาวไทยความว่า
“เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”
ที่กล่าวมา ปิยบุตร ย่อมรู้ดี แต่มาพูดเรื่องนี้ เพื่อตอกย้ำเจตนา ความปรารถนาลึกๆของตน ที่ใครๆก็ทราบดี และต่อให้มีผู้ให้ข้อมูลความจริงตอบโต้นายปิยะบุตรมากมายขนาดไหน
ปิยบุตร ก็ยังคงเดินหน้า สร้างวาทกรรมสร้างความแตกแยก ความน่ารำคาญ สะสมความน่าเกลียดชัง ต่อไปเรื่อยๆ และต่อให้ ไปใช้ชีวิตที่ฝรั่งเศส กับภรรยาที่แต่งงานไว้ ปิยบุตรก็คงไม่หยุด จนวาระสุดท้าย
#วันนั้นที่รอคอย”