อดีตบิ๊กข่าวกรอง ซัดเดือด “แอมเนสตี้” จุ้นคดี “อดีตข้าราชการกรมสรรพากร” ถูกจำคุก หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามมาตรา 112
จากกรณีของ นางอัญชัญ ปรีเลิศ อดีตข้าราชการระดับซี 8 กรมสรรพากร ถูกศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำคุก กระทงละ 3 ปี รวม 29 กระทง เป็นจำคุก 87 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกกระทงละ 1 ปี 6 เดือน รวม 29 กระทงเป็นจำคุก 29 ปี 174 เดือน ในข้อหากระทำความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ องค์รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
ต่อมาทาง แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ได้ออกมาพูดถึงกรณี การลงโทษจำคุก 87 ปี ในความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ว่าเป็นอัตราโทษสูงสุดที่เคยมีมา คดีที่น่าตกใจเช่นนี้ นับเป็นการโจมตีอย่างร้ายแรงอีกครั้งต่อพื้นที่ของสิทธิในเสรีภาพการแสดงออก ที่กำลังหดหายไปในประเทศไทย
จำนวนบุคคลที่ถูกดำเนินคดีซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งที่ถูกควบคุมตัวตามกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ สะท้อนให้เห็นความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งของทางการไทยที่จะปิดปากผู้เห็นต่าง บทลงโทษที่รุนแรงอย่างมากในวันนี้ เป็นสิ่งที่ยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าว และแสดงให้เห็นว่ากฎหมายนี้ไม่สอดคล้องกับกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ การหมิ่นประมาทไม่ควรนำไปสู่การลงโทษอาญาอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นการจำคุกเป็นเวลานานมาก ดังเช่นคำตัดสินในวันนี้
นางอัญชัญได้รับการปฏิบัติที่เลวร้ายตั้งแต่ถูกจับกุมเมื่อปี 2558 รวมทั้งการถูกควบคุมตัวระหว่างรอการพิจารณาเป็นเวลาหลายปี โดยในบางช่วงมีการห้ามไม่ให้ติดต่อกับโลกภายนอกด้วย ลักษณะการกำหนดโทษยังเป็นสิ่งที่น่าตกใจ เนื่องจากทางการพยายามลงโทษให้หนักสุด โดยการคูณจำนวนกรรมของการกระทำความผิดกับโทษจำคุกแต่ละกรรม ส่งสัญญาณชัดเจนว่าเป็นการป้องปราม ข่มขู่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ต 50 ล้านคนในประเทศไทย
ทางการไทยต้องยุติการปราบปรามผู้แสดงความเห็นต่างอย่างสงบ รัฐบาลต้องยกเลิกหรือแก้ไขเนื้อหาสาระสำคัญของกฎหมายที่จำกัดสิทธิในเสรีภาพการแสดงออก ทั้งในชีวิตจริงและในพื้นที่ออนไลน์ รวมทั้งความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการตัดสินวันนี้
ล่าสุดทางด้าน นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุข้อความว่า