คนมุสลิมขอบคุณภรรยาป๋ากิ๊ก เขียนแทนใจ ความรักในแผ่นดินและสถาบันฯ คือข้อความแทนใจชาวไทย

4032

จากกรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ไลฟ์สดทางเพจคณะก้าวหน้าในหัวข้อ “วัคซีนพระราชทานฯ : ใครได้-ใครเสีย?” เปิดเผยข้อมูลสำคัญว่าด้วยการจัดหาและผลิตวัคซีนโควิดในประเทศไทย ที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนรายใดรายหนึ่ง, ทำไมประเทศไทยได้วัคซีนช้า, และทำไมรัฐบาลถึงจัดหาวัคซีนได้ไม่ครอบคลุมจำนวนประชากรที่เหมาะสม

นายธนาธร ระบุว่า การที่คนไทยได้วัคซีนช้าและไม่ครอบคลุมจำนวนประชากร จะส่งผลต่อทิศทางการพัฒนาประเทศในปี 2564 เป็นอย่างมาก หลายประเทศวันนี้เร่งมือฉีดวัคซีนให้กับประชากรแล้ว แต่การที่ประเทศไทยได้วัคซีนช้า ย่อมหมายถึงการเสียโอกาสในการพัฒนาประเทศ การเปิดรับนักท่องเที่ยวได้ช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้าน การเจรจาธุรกิจกับคู่ค้าจากต่างประเทศเริ่มได้ล่าช้า และเพิ่มความเสี่ยงให้กับประชาชน ที่ยังไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้

เหตุผลที่รัฐบาลหาวัคซีนได้ช้า ก็เพราะประมาท ไม่ได้ใส่ใจในการเร่งจัดหาวัคซีนอย่างเหมาะสมทันท่วงที สมัยพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบใหม่ ๆ ได้เคยเสนอกับรัฐบาลไปแล้ว ว่าต้องจัดสรรวัคซีนให้เพียงพอ ให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศโดยเร็วที่สุด แต่ความความประมาททำให้เกิดการเจรจาช้า และเมื่อเจรจาได้เพียงบริษัทเดียวก็ไม่มีความพยายามเจรจากับบริษัทอื่นๆอีกเท่าที่ควร ต่างจากหลายประเทศที่ล้วนแสวงหาวัคซีนจากเอกชนหลายราย

ซึ่งหลายคนมองว่านายธนาธร พยายามที่พูดโจมตี บริษัทผลิตวัคซีน ที่หลายคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า เป็นบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ที่ผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 เพื่อคนไทย ที่มาจากพระราชปณิธาน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9

ต่อมามีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Kanogwan Kitcharoen ซึ่งเป็นภรรยาของป๋ากิ๊ก เกียรติ กิจเจริญ นักแสดงและพิธีกรชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า…

วันนี้​ ตื่นมาพบกับความมัวหมอง มากกว่าpm2.5​อีก​ ประเทศไทยประเทศเล็กๆที่ต่างชาติบอกว่าเป็นประเทศ​ด้อยพัฒนา​ แต่เราว่ามันน่าภาคภูมิใจมากที่ ประเทศเรามีบริษัทที่สามารถผลิตวัคซีน ที่จะสามารถช่วยเหลือประชาชนของตัวเอง และมวลมนุษยชาติได้ มันผิดมากเหรอที่พระมหากษัตริย์จะลงทุนทำธุรกิจอะไรสักอย่าง ที่จะทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ​และประชาชนของท่าน และถ้ามันจะทำกำไรมหาศาล มันก็ไม่น่าจะผิดอะไร

เราไม่เข้าใจตรรกะของนายห้าง บริษัทชิ้นส่วนรถยนต์ที่พ่อแม่มาอาศัยแผ่นดินไทยอยู่ เป้าหมายการทำธุรกิจของบริษัทชิ้นส่วนก็เพื่อทำกำไรใช่​หรือไม่​ และถ้าพ่อคุณตายคุณก็ได้โรงงานนั่นเป็นมรดกใช่​หรือไม่​ มันก็ไม่ต่างใช่ป่าววะ หรือถ้าคุณทำโรงงานผลิตชิ้นส่วนอยู่แล้วคุณมีความสามารถ​ อยากทำโรงงานผลิตยา ผลิตวัคซีนก็ทำสิ อย่ามาเห่าและลากทุกอย่างไปเป็นเรื่องการเมืองหมด ประเทศนี้ไปได้ไม่ไกลกว่านี้หรอก ก็คนรุ่นใหม่คิดได้แค่นี้ #หยุดเห่าเพื่อชาติสักครั้งเถอะ

ซึ่งต่อมาทางด้าน ป๋ากิ๊ก ได้มีการแชร์ภาพโพสต์ของภรรยาลงเฟซบุ๊ก พร้อมกับระบุข้อความว่า ตื่นขึ้นมาเจอโพสต์ของเมีย ถูกใจยิ่งนัก… ถ้าใครทำให้เมียผมโกรธได้ แสดงว่าไอ้คนนั้นต้องเลวจริงเลวจังนะขอบอก….

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด บนเฟซบุ๊ก Kiat Kitcharoen แชร์โพสต์จากเฟซบุ๊กของภรรยาที่ได้โพสต์ข้อความว่า “เมื่อวานนี้มีสุภาพสตรีท่านหนึ่ง เอาดอกไม้มาฝากให้เราที่ร้านหลานกลมกิ๊ก พร้อมจดหมายขอบคุณและให้กำลังใจเรา สำหรับข้อเขียนที่โด่งดังของเราเมื่อสองวันก่อน เธอบอกว่าเธอเป็นมุสลิมที่มีความรักในแผ่นดินและสถาบัน ขอบคุณที่เราเขียนแทนใจเธอและเธอมั่นใจว่าแทนใจคนอีกจำนวนไม่น้อยในประเทศนี้

ขอบคุณคุณจีรนันท์​ ค่ะสำหรับกำลังใจ ถ้ามีโอกาสเจอกันที่ไหน ทักอี๊ดด้วยนะ เราเป็น​”ป้า” ประเภทเดียวกันค่ะ เด็กรุ่นใหม่เค้ากล่าวไว้ #22มค.64 #อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติอีกสักครั้งจะเป็นไร”