ชาญวิทย์ซีเรียส!ไม่มั่นใจม็อบทำสำเร็จ ชี้ถึงจุดประนีประนอม ชนชั้นปกครองอาจพัง?

5060

จากที่ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” เคยพูดถึงดร.ชาญวิทย์ ที่ได้กล่าวถึงม็อบที่ออกมาจาบจ้วงสถาบันอย่างรุนแรง ด้วยถ้อยคำหยาบคายว่า สิ่งที่ไม่เคยเห็นก็จะได้เห็น โดยคำกล่าวนี้ของอดีตอธิการบดีธรรมศาสตร์ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่าให้ท้ายเด็กทำสิ่งไม่ถูกต้อง???

สำหรับคำพูดของดร.นิว ระบุว่า ลอร์ดชาญวิทย์ Charnvit Kasetsiri  เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ลอร์ดชาญวิทย์โรคหัวใจกำเริบเข้าโรงพยาบาลจนทำให้คนเข้าใจผิดว่าติดโควิด มาตอนนี้โควิดกลับมาอีกแล้ว จึงรู้สึกเป็นห่วงมาก

ทั้งนี้ยิ่งลอร์ดชาญวิทย์เป็นโรคหัวใจอยู่ด้วย คงต้องดูแลสุขภาพดีๆ อย่าดีใจจนเกินไป และอย่าเสียใจจนเกินไป กลัวว่าสิ่งที่ลอร์ดชาญวิทย์เคยพูดว่า อะไรที่ไม่เคยเห็น ก็จะได้มาเห็น และอะไรที่เคยเห็น ก็อาจจะไม่ได้เห็นอีกแล้ว อาจจะหมายถึงตัวของลอร์ดชาญวิทย์ เสียเอง

นอกจากนี้นักวิจัยสถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา อย่าง ดร.นิวยังพูดถึง อาจารย์ชาญวิทย์อีกว่า

อะไรที่ไม่เคยเห็น ก็จะได้มาเห็น คือ สังคมได้รับรู้แล้วว่าลอร์ดชาญวิทย์ซึ่งอยู่ในฐานะของครูบาอาจารย์เป็นคนอย่างไร ลอร์ดชาญวิทย์กำลังทำอะไรอยู่ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา

อะไรที่เคยเห็น ก็อาจจะไม่ได้เห็นอีกแล้ว คือ ถ้าลอร์ดชาญวิทย์เกิดเป็นอะไรขึ้นมา เราคงไม่ได้เห็นลอร์ดชาญวิทย์อีกแล้วสุดท้ายขอฝากความจริงสอนใจไปถึงลอร์ดชาญวิทย์ให้ได้นำไปคิดทบทวนตัวเองดูบ้าง บางทีอาจจะเกิดประโยชน์ขึ้นมาไม่มากก็น้อย ขึ้นอยู่กับว่าลอร์ดชาญวิทย์เป็นคนเช่นไร เป็นบัวเหล่าใด

ล่าสุดวันนี้ 22 มกราคม 2564  เฟซบุ๊ก Voice TV ได้โพสต์ข้อความเผยแพร่บทสัมภาษณ์ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไว้บางช่วงที่น่าสนใจอย่างยิ่งว่า

ศ.ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ เปิดมุมมองต่อคนรุ่นใหม่ ฝ่ายอนุรักษนิยม ชนชั้นนำ และหนทางตามวลีแห่งประวัติศาสตร์ที่ว่า “Thailand is the land of compromise” จะเป็นไปได้อย่างไร ณ จุดที่สังคมไทยกำลังเข้าสู่ยุคสมัยของการเปลี่ยนผ่านอย่างถึงราก

นี่คือบทสนทนาบางส่วน…

‘วอยซ์’ : นอกจากเสียงเรียกร้องให้ยกเลิก 112 แล้ว เสียงของฝั่งรอยัลลิสต์ก็ไม่เบา อาจารย์มองอย่างไร กังวลใจไหมว่าภาพแบบ 6 ตุลาฯ จะฉายซ้ำ

‘ชาญวิทย์’ : กรณีของคนรุ่นใหม่ตั้งแต่ชุมนุมเมื่อกรกฎาคม 2563 เป็นสิ่งที่ผมประหลาดใจนะ แล้วไม่คิดว่าจะได้เห็นด้วยซ้ำ ประหลาดใจมากๆว่า ความกล้าของเขาเรียกว่าทะลุทะลวงข้อจำกัดเนี่ย ผู้มีอำนาจ ผู้มีบารมี กลับไม่พยายามหาทางมาเจอกัน ผมว่าน่าวิตก น่าห่วงมากๆ

สถานการณ์โดยรวมซีเรียสนะครับ แต่ถามว่าน่าหมดหวังไหม น่าท้อถอยไหม ไม่นะ ผมว่าใช้คำว่าน่าจะยังมีโอกาส ถึงแม้ว่าผมจะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ แต่ผมอายุ 80 แล้ว เห็นโลกมายาวนานแล้ว ถ้าเรามองปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศของเรา และในโลกทั้งใบ ในที่สุดคงจะผ่านไปได้

‘วอยซ์’ : อาจารย์มองเห็นความหวัง แปลว่าทุกฝ่ายคงกลับมาคุยกันได้ใช่ไหม เหมือนดั่งประโยคที่ว่า “Thailand is the land of compromise”

‘ชาญวิทย์’ : ผมคิดว่าคำว่า “Thailand is the land of compromise” เป็นคำที่งดงามมากๆ และเป็นคำที่โดยใครก็ตาม รวมทั้งผมด้วยก็คงหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น ผมว่ามันเป็นวาทกรรม เป็นแนวคิดที่ว่าคนไทยมีอันนี้ แต่ในความจริงทางประวัติศาสตร์ อาจจะไม่ใช่ก็ได้ แต่ถ้าเราเชื่อว่ามันมีอยู่ในนี้ (ชี้ที่หัวตัวเอง) ก็น่าจะเป็นคุณสมบัติของเรา เราก็ต้องฝ่าฟันไปให้ถึงจนได้

ผมอยากเชื่อว่าผู้มีอำนาจ ผู้มีบารมี คนที่อยู่ในชนชั้นปกครอง เขาจะ compromise เมื่อเขารู้ว่าถ้าไม่ compromise เขาก็อาจจะพัง เพราะฉะนั้นปรากฏการณ์ที่ผ่านมา ผมว่าสังคมอาจจะมาถึงจุดนี้ก็ได้แล้ว ถ้าเราไม่ compromise เราพังกันหมด ไม่มีใครได้

(อ่านบทสัมภาษณ์ต่อได้ที่ VoiceOnline  www.voicetv.co.th/read/ESp9WAHLg)

อย่างไรก็ตามคำว่า Thailand is the land of compromise เป็นที่ปรากฏออกมากลายเป็นประเด็นให้พูดถึงทั้งประเทศ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 กรณีที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงจากฤดูฝนเป็นเครื่องทรงฤดูหนาวถวายแด่พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เสร็จสิ้น

จากนั้นทรงมีพระราชปฏิสันถารกับพสกนิกรที่มาเฝ้ารับเสด็จฯอย่างใกล้ชิด ตลอดเส้นทาง ในการนี้ยังพระราชทานสัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นและสถานีโทรทัศน์ช่อง 4 ของอังกฤษ โดยมีผู้สัมภาษณ์คือนายโจนาธาน มิลเลอร์ ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 4

ขณะที่สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ในช่วงเวลาที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลเกิดขึ้นทั่วประเทศไทย และมีการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าฯเจ้าอยู่หัว ได้ทรงตรัสเรียกประเทศไทยว่า “เป็นดินแดนแห่งการประนีประนอม”(Thailand is the land of compromise) ซึ่งนี่อาจะเป็นทางออกไปสู่การแกไขปัญหาทางตันทางการเมืองของประเทศที่กินเวลานานนับเดือน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของประเทศไทย ได้ทรงพระราชทานสัมภาษณ์เป็นครั้งแรกถึงการชุมนุมของกลุ่มผู้ชุมนุมสนับสนุนประชาธิปไตยที่ดำเนินมาเป็นระยะเวลานานถึง 4 เดือน กับซีเอ็นเอ็นและสถานีโทรทัศน์ข่าวช่อง 4 ของอังกฤษ

นอกจากนี้เมื่อผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นกราบบังคมทูลถามเกี่ยวกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่เรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าฯเจ้าอยู่หัว ได้ทรงตรัสว่า ไม่มีความเห็น ก่อนที่จะตรัสเพิ่มเติมว่า “เรารักทุกคนเหมือนกันหมด” เป็นจำนวนถึง 3 ครั้ง