จากกรณี 19 ม.ค. 2564 ที่ผ่านมา ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.3065/2562 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นางอัญชัญ ปรีเลิศ อดีตข้าราชการกรมสรรพากร เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14
อัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดจำเลยสรุปความว่า เมื่อระหว่างระหว่างวันที่ 12 พ.ย. 2557 ถึง 24 ม.ค. 2558 จำเลยได้กระทำผิดกฎหมายหลายบทหลายกรรมต่างกัน ด้วยการใช้นามแฝง anchana siri, un un และ Petch Prakery ส่งข้อความเสียงของผู้ใช้นามแฝงว่า “บรรพต” ผ่านทางยูทูป ที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งมีเนื้อหาดูหมิ่น ใส่ความ หมิ่นประมาท แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ หลายครั้งหลายหน
โดยนางอัญชัญ กล่าวว่า เดินทางมารับฟังคำตัดสินของศาล ซึ่งที่ผ่านมาในชั้นศาลทหาร ตนปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เพราะโทษของศาลทหารหนักและรุนแรงเกินไป จึงขอสู้คดีก่อน แต่เมื่อโอนย้ายคดีมาที่ศาลอาญา ตนก็รับสารภาพเพื่อขอให้ศาลเห็นใจและเมตตา เพราะตนเป็นเพียงแค่คนแชร์ไม่ได้เป็นคนโพสต์ และไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ
“ระหว่างการสอบสวนของดีเอสไอตนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทำให้ถูกดำเนินคดีทั้งหมด 29 กรรม แต่คนโพสต์โดนแค่กระทงเดียว ที่ผ่านมาตนได้รับโทษจำคุกเกือบ 4 ปีแล้ว ตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค. 2558 จนถึงวันที่ 2 พ.ย. 2561 ในตอนนั้นตนเห็นมีการแชร์กันอย่างแพร่หลาย ถึงไม่คิดว่าจะเป็นความผิด เพราะมั่นใจในตัวเองและไม่คิดให้รอบคอบ ทำให้ต้องเสียงานที่ทำมา 40 ปี อดีตตนเคยรับราชการระดับซี 8 ที่กรมสรรพากร และต้องรอรับคำตัดสินนำไปส่งที่กรมฯ เพื่อรอการสอบวินัยตนอีก ก็หวังว่าทางกรมจะเห็นใจและไม่ไล่ตนออก”
จากกรณีดังกล่าว เมื่อเปรียบเทียบกับ กลุ่มม็อบคณะราษฎรที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง พร้อมทั้งพุ่งเป้าโจมตีไปยังสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไม่ยอมลดละ ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2563 มาจนถึงปี 2564 ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีแกนนำม็อบเท่านั้น ยังมีมวลชนที่ออกมาร่วมในการชุมนุมครั้งต่าง ๆ รวมถึงผู้ที่ออกมาสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นกำลังทรัพย์ หรือแม้กระทั่งผู้ที่เรียกตนเองว่าการ์ด ที่มาอาสารักษาความปลอดภัยในครั้งที่มีการจัดม็อบ ด้วย
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาจะเห็นว่า แกนนำหลัก ๆ หลายคน ไม่ว่าจะเป็น นายอานนท์ นำภา, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน, น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ เมื่อมีการจัดการชุมนุมก็จะปราศรัยไม่พ้นเรื่องจาบจ้วง หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ จนนำมาซึ่งการโดนหมายเรียกในฐานความผิดตามมาตรา 112
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ได้รีบออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวด้วยว่า นอกจากเรื่อง #วัคซีนพระราชทาน และการตบหน้าแล้ว มีอีกหนึ่งเรื่องที่น่าเศร้าในวันนี้ ป้าอัญชัญ อดีตข้าราชการระดับสูงถูกศาลตัดสินจำคุกในคดี 112 เป็นเวลา 87 ปี ลดโทษเหลือ 43.5 ปี นับเป็นโทษ 112 ที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์
ก่อนหน้านี้ลุงสิรภพ กวีประชาธิปไตย ถูกตัดสินจำคุก 4 ปี 6 เดือน แต่โดนจำคุกมาแล้ว 4 ปี 11 เดือน เลยไม่ต้องติดต่อ เท่ากับว่าติดคุกฟรี 5 เดือน ในสภาวะที่สังคมกำลังเรียกร้องให้ยกเลิก 112 ศาลยังกลับเป็นมือเป็นไม้ให้กฎหมายเถื่อนทมิฬอย่างสม่ำเสมอ เท่ากับว่าศาลจะวางตัวเป็นคู่ขัดแย้งกับคนในสังคมใช่หรือไม่ #ยกเลิกม112
จากการโพสต์ข้อความดังกล่าวของเพนกวินนั้น วันนี้เราจึงจะย้อนให้เห็นภาพว่า ที่เพนกวินออกมาเรียกร้องให้ยกเลิก ม.112 นั้น เพราเจ้าตัวและเหล่าเพื่อน ๆ ลูกก๊วนม็อบคณะราษฎร ต่างก็มีคดีติดตัวกันอยู่คนละหลายคดี
1 นายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน 9 คดี (ในความผิด ม.112 ซึ่งคูณด้วย 3 เท่ากับว่า 27 ปี)
2 น.ส.ปนัสยา หรือ รุ้ง 8 คดี (ในความผิด ม.112 ซึ่งคูณด้วย 3 เท่ากับว่า 24 ปี)
3 นายอานน์ นำภา 7 คดี (ในความผิด ม.112 ซึ่งคูณด้วย 3 เท่ากับว่า 21 ปี)
4 นายภาณุพงศ์ หรือ ไมค์ 2 คดี (ในความผิด ม.112 ซึ่งคูณด้วย 3 เท่ากับว่า 6 ปี)
อย่างไรก็ตาม กฎหมายมาตรา 112 ระบุว่า ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทยอยู่ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 บัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี”