หลังจากที่มีการรวมตัวชุมนุมปะทะเดือดที่แยกดินแดงของกลุ่มม็อบ ต่อเนื่องมากกว่า 11 วันแล้วนั้น โดยทุกวันจะต้องมีการปะทะเกิดขึ้นจากทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งกลุ่มมวลชนที่มีเด็กอาชีวะ เด็กวัยรุ่น
และยังมีกลุ่มทะลุแก๊ส ที่อ้างว่าเป็นกลุ่มอิสระเข้ามาร่วมด้วยนั้น ต่างพกพาอาวุธ ประทัดยักษ์ ปืน เข้ามาในม็อบจำนวนมาก แม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสกัดจับและได้ควบคุมตัวเยาวชนหลายราย แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดการกระทำของคนกลุ่มนี้ได้
โดยเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 64 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ปรับกลยุทธ์ดำเนินการสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุความวุ่นวายได้ทั้งสิ้น 35 คน ยึดรถจักรยานยนต์ 20 คัน อาวุธปืนและวัตถุระเบิดได้อีกจำนวนหนึ่ง ส่วนของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิด พนักงานสอบสวนจะได้ร้องขอต่อศาลเพื่อริบของกลางเป็นของแผ่นดินต่อไป การรักษาความสงบเรียบร้อยครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 2 นาย ยังมีทรัพย์สินทางราชการ และเอกชนได้รับความเสียหายส่วนหนึ่ง
ล่าสุดที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รอง ผบช.น.) ได้เปิดเผยถึงการชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊ส ที่นัดหมายรวมตัวกันที่แยกดินแดงว่า การข่าวทราบว่าจะมีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ โดยการใช้ตะปูเรือใบโรยบนท้องถนน ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อเจ้าหน้าที่และประชาชนทั่วไป
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า จะมีการเผาทำลายทรัพย์สินอีกด้วย จึงขอเตือนว่า กรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ ที่ประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยการกระทำดังกล่าว ถือมีความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ และความผิดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ส่วนรูปแบบการปฏิบัติงานจะมีการปรับเปลี่ยนไปตามรูปแบบของกลุ่มผู้ชุมนุม
การชุมนุมวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่มีการนัดหมายของกลุ่มผู้ชุมนุมหน้ากระทรวงยุติธรรม และ กลุ่มทะลุแก็ส บริเวณแยกดินแดง ที่มีการนัดหมายเวลา 17.30 น. นั้น กลุ่มทะลุแก๊ส มีการขว้างอาวุธต่างๆ ทั้ง ระเบิดปิงปอง พลุ เพลิง ใส่เจ้าหน้าที่ รวมถึงมีการทุบทำลายทรัพย์สิน สาธารณะ ราชการการ และมีการจุดเพลิงเผาบริเวณต่างๆ โดยการใช้ขวดใส่น้ำมัน บริเวณกรมดุริยางค์ทหารบก และใต้ทางด่วนดินแดง เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 ราย ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ได้ 2 คัน พร้อมอาวุธต่างๆจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ยังตรวจพบยาเสพติดจำนวนหนึ่งอีกด้วย
โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายในความผิดฐาน ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อฯ รวมถึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 , 216 อีกด้วย
อย่างไรก็ตามการดำเนินคดีของกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่เดือนกรกฎาคม จนถึงปัจจุบันรวม 111 คดี มีผู้ต้องหาที่เข้าข่ายความผิด 591 สามารถจับกุมได้แล้ว 284 คน มีการออกหมายเรียกผู้ที่เข้าข่ายความผิดทั้งสิ้น 127 หมาย แบ่งเป็นแกนนำ 16 หมาย และแนวร่วม 111 หมาย
“ขณะเดียวกันได้มีการออกหมายเรียกผู้ปกครอง ของผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชน เบื้องต้นกว่า 20 คน ในตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ ส่งเสริม หรือปล่อยปละละเลยให้เด็กออกมาก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง”
