จากกรณีที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดี ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้องนายสิรภพ กรณ์อรุษ หรือนามปากกา “รุ่งศิลา” นักเขียนแนวร่วมคนเสื้อแดง เป็นจำเลย
ในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (3)
คำฟ้องโจทก์ระบุกรณี สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2552 นายสิรภพได้เขียนและโพสต์บทกลอนในเว็บบอร์ดของเว็บไซต์ “ประชาไท” โดยใช้นามแฝงว่า “รุ่งศิลา” ทำให้เข้าใจว่าถ้อยคำบางคำในบทกลอน หมายถึงรัชกาลที่ 9
อีกทั้ง เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2556 นายสิรภพได้โพสต์ข้อความและภาพการ์ตูนล้อเลียนในเฟซบุ๊กชื่อบัญชี “Sira Rungsira” รูปผู้ชายใส่แว่นตาสวมชฎา และกล่าวถึงเทวดา และเมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2557 นายสิรภพได้โพสต์ข้อความและภาพการ์ตูนล้อเลียนในบล็อก หัวข้อ “เชื้อไขรากเหง้า “กบฏบวรเดช” ที่ยังไม่ตาย ของเหล่าทาสที่ปล่อยไม่ไป”
คดีนี้จำเลยให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี เดิมถูกพิจารณาในศาลทหารตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ให้คดีความมั่นคงในส่วนพลเรือนถูกพิจารณาในศาลทหาร ก่อนมีการยกเลิกภายหลัง โอนย้ายคดีพลเรือนมาพิจารณายังศาลอาญาตามปกติ โดยก่อนหน้านี้นายสิรภพเคยถูกคุมขังคดีนี้ไม่ได้รับการประกันตัวเป็นเวลา 4 ปี 11 เดือน และได้รับการประกันตัวในเดือน มิ.ย. 2562
สำหรับวันนี้ นายสิรภพเดินทางมาศาลฟังคำพิพากษา โดยมีทีมทนาย ผู้แทนสถานทูต และผู้ติดตามให้กำลังใจเดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษา ซึ่งศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมฯ มาตรา 14 (3) เป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักสุดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นบทหนักสุด รวมทุกกระทงแล้วให้จำคุก 6 ปี แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ลดโทษให้ 1 ใน 4 เหลือคงจำคุก 4 ปี 6 เดือน
ทั้งนี้ นายสิรภพ จำเลย ถูกคุมขังในเรือนจำมาก่อนหน้านี้แล้วเป็นเวลา 4 ปี 11 เดือน 18 วัน ตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. 2557 – 11 มิ.ย. 2562 ซึ่งเกินโทษจำคุกที่ศาลพิพากษาในวันนี้ ดังนั้นนายสิรภพจึงไม่ถูกส่งตัวไปเรือนจำหรือต้องยื่นประกันตัวสู้คดีชั้นอุทธรณ์อีก
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ นายสิรภพ ถูกเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวปี 2557 ขณะขับรถไปยัง จ.อุดรธานี และถูกเจ้าหน้าที่จากกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) แจ้งข้อหาตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมฯ ก่อนถูกส่งตัวไปฝากขังเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2557 ทำให้เขาถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
ต่อมา สิรภพถูกฟ้องคดีอาญาในข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตามมาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญาและมาตรา 14 (3) และ 14 (5) พ.ร.บ. การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
อัยการทหารสั่งฟ้องคดีเมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2557 และศาลทหารนัดถามคำให้การตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย. 2557 โดยจำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ศาลทหารปฏิเสธการให้ประกันตัวมาแล้วทั้งหมด 7 ครั้ง โดยสองครั้งหลังสุดในเดือน เม.ย. และ พ.ย. 2561 ญาติยื่นขอประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 5 แสนบาท แต่ศาลทหารยังคงไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยเกรงจำเลยจะหลบหนี และคดียังมีอัตราโทษสูง
ในคดีนี้ อัยการทหารแถลงขอให้ศาลพิจารณาเป็นการลับ เนื่องจากเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งอาจกระทบต่อความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยภายในราชอาณาจักร ซึ่งศาลทหารก็ได้มีคำสั่งให้พิจารณาคดีเป็นการลับโดยตลอด
ศาลทหารกรุงเทพอนุญาตให้ประกันตัว “สิรภพ” ผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 ด้วยหลักทรัพย์ประกัน 500,000 บาท โดยจะได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ในช่วงค่ำวันที่ 11 มิ.ย. 2562
ล่าสุด ทางด้านของ นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว ถึงกรณีของนายสิรภพ
“คดีนี้บอกกล่าวได้หลากหลายความหมายยิ่ง
สำหรับม็อบหมิ่น112และผู้มีหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม
1)การดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา112ยังดำเนินอยู่มิได้หายไปไหน
2)อนาคตแกนนำและมวลชนต้องรับโทษติดคุกเฉกเช่นคดีนี้ต่างกรรมต่างวาระนานแน่นอน
3)คำถามในความท้าทายของกระบวนการยุติธรรมที่เป็นธรรมvsความยุติธรรมที่ล่าช้า?”