โบว์เล่าเคยมีอดีตนักกิจกรรมอ้างม็อบหายติดต่อไม่ได้ พอเจอคำตอบสุดพีค แบตหมดแค่แวะกินข้าว

1972

จากที่ปิยรัฐ จงเทพ” หรือ “โตโต้” แกนนำการ์ด wevo โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก อ้างได้รับข้อมูลขอความช่วยเหลือจากสมาชิกกลุ่มการ์ดราษฎรหายตัวไปจากบ้านพักไม่สามารถติดต่อได้ และมีความเป็นไปได้ ถูกอุ้มโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ขณะที่ น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงกรณีดังกล่าวไว้หลายข้อความด้วยกัน เป็นไทม์ไลน์ซึ่งมีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่า

โบว์เห็นด้วยกับหลายคนว่าโพสต์ข้างล่างนี้อาจสร้างความไม่สบายใจ ต้องขอโทษด้วยนะคะ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง และคนที่แจ้งข่าวนั้นเขาทราบรายละเอียดทั้งหมดเพราะแจ้งข่าวหลังเจอตัวคนที่คิดว่าหายไปแล้วแต่ข้ามการให้รายละเอียดข้อเท็จจริงไปจนถูกถามจึงได้ตอบ  ความเป็นไปได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ใดๆก็ตามมันหลากหลายมาก การมององค์ประกอบให้รอบด้านจะเป็นผลดีค่ะ

เคยมีเหตุการณ์นึง อดีตนักกิจกรรมส่งข้อมูลเข้าไปในกลุ่มนักข่าว บอกว่า “น้องผู้หญิงคนหนึ่งทำกิจกรรมแล้วเพื่อนก็ส่งกลับบ้านซึ่งเขาให้ส่งถึงแค่ปากซอย แต่หลังจากนั้นหายตัวไปกลางดึกตั้งแต่ห้าทุ่มติดต่อไม่ได้ วันรุ่งขึ้นตอนสายเพื่อนพบตัว ขณะนี้พาไปอยู่ที่ปลอดภัยแล้ว” … พอถูกถามว่าตกลงกลางดึกนั้นใครเอาตัวไปไหน คำตอบคือ น้องแวะกินข้าว แล้วแบตหมดก่อนกลับบ้านนอน มันเป็นเหตุการณ์ที่เราลืมไม่ลงจริงๆ ละเอียดรอบคอบกับทุกอย่าง พิจารณาด้วยเหตุผล และระวังมือที่สามด้วยค่ะ

เพิ่มเติมเพื่อตอบหลายๆคำถามนะคะ ตอนที่โพสต์เรื่องนี้ โบว์ทราบข่าวตอนเช้าเพียงว่ามีคนหายไปตอนกลางคืน และมีคนส่งไลน์อ้างว่าเป็นกอ.รมน.เอาตัวไป และจะปล่อยตีห้า เมื่อสักครู่ได้ฟังการสัมภาษณ์ผู้ใกล้ชิด จึงขอให้ความเห็นเพิ่มเติมไว้เท่านี้

  1. จากข้อมูลถึงตอนนี้ มีคนหายจริง และคนที่ทำต้องการให้เกิดความปั่นป่วนอย่างมากด้วยการส่งไลน์บอกคนใกล้ชิดว่าตนเป็นกอ.รมน.และข่มขู่ว่าจะทำการทรมานผู้ถูกลักพาตัว
  2. คนที่ทำต้องรู้จักขบวนการเคลื่อนไหวนี้ในระดับดีมาก เพราะผู้ถูกลักพาตัวไม่ได้เป็นที่รู้จักในทางสาธารณะ
  3. จากประสบการณ์ตรงของการอยู่ในลิสท์ผู้ถูกติดตามเป็นกิจวัตรต่อเนื่องหลายปี เจ้าหน้าที่ทั่วไปจะทำแบบไร้อินเนอร์ คือไม่ได้มีความรู้สึกโกรธเกลียดอะไรกับเรา ทำตามสั่งไปเรื่อย แต่เคสนี้คนที่ส่งข้อความมีการข่มขู่และมีการแสดงอารมณ์ เชื่อว่าเรื่องนี้มีระดับความรุนแรงมากกว่านั้น และมีความเป็นไปได้ที่หลากหลาย
  4. รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับคดีนี้ในระดับสูงสุด และใช้ทรัพยากรอย่างเต็มที่ในการค้นหาตัวเพื่อให้ได้ความจริงค่ะ ผบ.ตร.ต้องรับผิดชอบเอง นี่คือคดีความมั่นคง นี่คือข้อเรียกร้องอย่างเป็นรูปธรรมที่ต้องเกิดขึ้น

ต่อมาวันที่ 17 มกราคม 2564 เวลาประมาณ 14.00 น. ทวิตเตอร์ iLawFX ของไอลอว์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า 13.00 น.พบตัวมงคล โดยนำตัวมาส่งที่บีทีเอสเคหะ สมุทรปราการ คาดว่า จะไปแจ้งความไว้ก่อน ที่สภ.บางปู ท้องที่เกิดเหตุ ตอนนี้มวลชนจาก สน.พญาไทบางส่วนย้ายไปรอให้กำลังใจที่สภ.บางปู

ทั้งนี้นายมงคล สันติเมธากุล หรือ เยล หนึ่งในสมาชิกการ์ดกลุ่มปลดแอก ที่เข้าร่วมชุมนุม บริเวณแยกสามย่าน ได้หายตัวไปช่วงกลางดึกวันที่ 16 ม.ค.โดยได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “ช่วยด้วย” และไม่สามารถติดต่อได้  หลังจากนั้นได้ปรากฏ ข้อความในเฟซบุ๊กของมงคล โดยเพื่อนๆเชื่อว่า เป็นการโพสต์ของบุคคลที่คุมตัวนายมงคลไป

ด้านโบว์  ก็ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าวอีกครั้งว่า ใครได้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้?  ขอประณามและขอให้ความจริงปรากฏโดยเร็ว

จากข้อมูลถึงตอนนี้ มีคนหายจริง และคนที่ทำต้องการให้เกิดความปั่นป่วนอย่างมากด้วยการส่งไลน์บอกคนใกล้ชิดว่าตนเป็นกอ.รมน.และข่มขู่ว่าจะทำการทรมานผู้ถูกลักพาตัว

คนที่ทำต้องรู้จักขบวนการเคลื่อนไหวนี้ในระดับดีมาก เพราะผู้ถูกลักพาตัวไม่ได้เป็นที่รู้จักในทางสาธารณะ

ข้อความทางไลน์น่าจะสืบยากแล้ว เพราะคนที่ส่งยังคงลบข้อความระหว่างการแถลงข่าว

จากประสบการณ์ตรงของการอยู่ในลิสท์ผู้ถูกติดตามเป็นกิจวัตร เจ้าหน้าที่จริงๆจะทำแบบไร้อินเนอร์ คือไม่ได้มีความรู้สึกโกรธเกลียดอะไรกับเรา ทำตามสั่งไปเรื่อย แต่เคสนี้คนที่ส่งข้อความมีการข่มขู่และมีการแสดงอารมณ์ เชื่อว่าเรื่องนี้มีระดับความรุนแรงมากกว่านั้น และมีความเป็นไปได้ที่หลากหลาย

รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับคดีนี้ในระดับสูงสุด และใช้ทรัพยากรอย่างเต็มที่ให้การค้นหาตัวเพื่อให้ได้ความจริงค่ะ ผบ.ตร.ต้องรับผิดชอบเอง นี่คือคดีความมั่นคง

ไม่ว่าคนทำจะเป็นใคร สิ่งที่เราต้องทำคือเรียกร้องให้รัฐรับผิดชอบยกระดับคดีนี้เป็นคดีความมั่นคงและใช้ทุกทรัพยากรในการตามหาตัวทันทีโดยมีผบ.ตร.เป็นผู้รับผิดชอบ ไม่ใช่ปล่อยไปตามกระบวนการระดับล่างตามปกติ 24 ชั่วโมงนี้คือช่วงเวลาสำคัญ ขอยืนยันว่าการปักธงกล่าวหาว่าใครเป็นคนทำในตอนนี้จะไม่ช่วยให้เหยื่อปลอดภัยได้เลยจริงๆค่ะ

เราอาจจะพูดจาไม่ถูกหู ไม่สะใจ ไม่น่าตื่นเต้น แต่ทุกอย่างที่พูดมันคือช่องทางของการใช้กลไกทุกอย่างที่มีความเป็นไปได้ และถ้าแคร์ความปลอดภัยของคนจริงๆไม่ได้มีเจตนาอื่น การดึงรัฐมาสู่ตำแหน่งของความรับผิดชอบเพื่อจะใช้ทรัพยากรกำลังคนของทุกหน่วยได้อย่างเต็มที่และเร่งด่วน คือสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น