ครั้งแรกประวัติศาสตร์กู้เงินไม่ต้องมีหลักประกัน สิทธิ์นี้เป็นของคนเล็กคนน้อยเท่านั้น โควิดระบาดใหม่ทำเศรษฐกิจฐานรากได้อ่วมกันไปทั่วหน้า ครม.สั่งก.การคลังและธนาคารออมสิน เป็นแม่งานหลักคลอดมาตรการ ช่วย 3 กลุ่มเร่งด่วน SMEs อาชีพอิสระและรายย่อยผู้มีรายได้ประจำ ด้วยมาตรการการเงิน ให้เข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำง่ายขึ้น และยืดระยะเวลาปล่อยกู้ซอฟท์โลนไปถึงกลางปีนี้ ทั้งนี้ก็เพื่อสะกัดกั้นโอกาสในการว่างงานของคนเล็กคนน้อย และผู้ประกอบการรายย่อยที่มีสายป่านไม่ยาวพอรับมือ การระบาดโควิดรอบใหม่ แบบนี้แหละใช่ ดูไปก็คล้ายที่แจ็ค หม่าทำในการกู้เงินของ แอนท์กรุ๊ป จนเป็นเหตุให้โดนบอนไซในจีน แต่นี่รัฐบาลลุงตู่ทำเองปลอดภัยเพราะประเทศไทยเป๋าตุง!!
การประชุมคณะรัฐมนตรี (12 ม.ค.) ซึ่งมีคำสั่งให้กระทรวงการคลัง และสถาบันการเงินออกมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่ สำหรับปัญหาธุรกิจ SME ที่จำเป็นต้องดูแลแต่ยังไม่สามารถเข้าถึงมาตรการรัฐได้ ได้แก่ มาตรการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ มาตรการพักชำระหนี้ มาตรการลดหย่อนภาษีและยกเว้นภาษี และเงินกู้ฉุกเฉิน ทั้งนี้เพื่อรักษาสภาพคล่องของกิจการ ปัญหาสำคัญที่ทำให้ SME ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ เพราะการขาดหลักประกันหรือมีหลักประกันไม่เพียงพอ ปัญหาด้านประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมา และการขาดเอกสารหลักฐานแสดงรายได้ ครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากรัฐบาลเจาะทะลวงปัญหาอย่างทันท่วงที
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ธนาคารออมสิน ได้ดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 เป็น 5 มาตรการ สำหรับประชาชนทั่วไป SME สินเชื้อดอกเบี้ยต่ำ และ เพื่อการท่องเที่ยว ทั้งนี้5 มาตรการเยียวยา ประกอบด้วย
- สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย สำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนาโควิด-19 หรือ สินเชื่อฉุกเฉิน วงเงินสูงสุด 10,000 บาท ดอกเบี้ยคงที่ 0.10% ต่อเดือน ผ่อนชำระสูงสุด 24 เดือน หรือ 2 ปี ไม่ต้องชำระเงินกู้ 6 งวดแรก
มีคุณสมบัติดังนี้
- เป็นบุคคลสัญชาติไทย อายุ 20 ปีขึ้นไป
- มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน
- มีที่อยู่อาศัยแน่นอน สามารถติดต่อได้
- ไม่ต้องใช้หลักประกัน
- ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
- โครงการสินเชื่อเสริมพลังฐานราก กู้วงเงินสูงสุด 50,000 บาท ดอกเบี้ยคงที่ 0.35% ต่อเดือน ผ่อนชำระสูงสุด 3 ปีมีคุณบัติดังนี้
- เป็นผู้มีรายได้ประจำ หรือพ่อค้า แม่ค้า ผู้ประกอบอาชีพอิสระ
- มีที่อยู่อาศัยแน่นอน สามารถติดต่อได้
- ไม่ต้องมีบุคคล หรือหลักทรัพย์เพื่อค้ำประกัน
- ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
** ทั้ง 2 โครงการขยายเวลารับคำขอสินเชื่อออกไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 64 ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น MyMo ของธนาคารออมสิน ในวันที่ 15 ม.ค. 64 นี้เป็นต้นไป
- SMEs กู้สูงสุด 70% ของราคาประเมิน สูงสุดไม่เกิน 3 ปี ดอกเบี้ย 5.99% ต่อปี
- โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ช่วยเหลือ SMEs กู้วงเงินสูงสุด 500,000 บาท ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน กลุ่มท่องเที่ยว, นวดสปาแผนไทย, Supply Chain และ Homestay ดอกเบี้ย 3.99%
- Soft Loan สถาบันการเงินปล่อยให้กับผู้ประกอบการวงเงินสูงสุด 100 ล้านบาท ผู้ประกอบการเกี่ยวกับการท่องเที่ยว และ Supply Chain ดอกเบี้ย 2% ต่อปี
รัฐบาลจัดเต็มอุ้มกิจการธุรกิจ
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทบทวนมติ ครม. เกี่ยวกับมาตรการการเงินการคลังเพื่อสนับสนุนการลงทุนในประเทศ ปี 2563 มาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID – 19) ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ระยะที่ 2 และมาตรการช่วยเหลือ SMEs โดยอนุมัติให้มีการขยายระยะเวลาการขอสินเชื่อและพิจารณาสินเชื่อออกไปจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน ปีนี้ มีรายละเอียดดังนี้คือ
- มาตรการสินเชื่อเพื่อการลงทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) วงเงินสินเชื่อรวมทั้งสิ้น 5,000 ล้านบาท (วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อราย) ให้ขยายระยะเวลาการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 โดยยังคงเหลือวงเงินภายใต้โครงการ อีก 2,142 ล้านบาท
- โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID – 19) ซึ่งธนาคารออมสินสนับสนุนสินเชื่อ จำนวน 20,000 ล้านบาทและ ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อ 20,000 ล้านบาท ให้แก่ประชาชนที่มีอาชีพอิสระ ไม่มีรายได้ประจำหรือเกษตรกรรายย่อย ให้ขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ซึ่งรวม 2 ธนาคาร มีวงเงินคงเหลือทั้งสิ้น 14,365 ล้านบาท ธนาคารออมสินยังเหลือวงเงิน 2,990 ล้านบาท และธ.ก.ส. ยังมีวงเงินคงเหลืออีก 11,375 ล้านบาท
- โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้ประจำที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID – 19) ของธนาคารออมสิน จำนวน 5,000 ล้านบาท ให้จัดสรรวงเงินที่เหลือ 2,987 ล้านบาท ให้ธนาคารออมสินไปดำเนินโครงการสินเชื่อเสริมพลังฐานราก เพื่อปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการรายย่อย ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ผู้มีรายได้ประจำ และรวมถึงบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID – 19 ภัยทางเศรษฐกิจ และภัยทางธรรมชาติ
- โครงการสินเชื่อเสริมพลังฐานราก ของธนาคารออมสิน : ขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อออกไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 วงเงินดำเนินโครงการสินเชื่อเสริมพลังฐานราก จำนวน 10,000 ล้านบาท ยังคงมีวงเงินสินเชื่อคงเหลืออยู่อีกจำนวน 7,425 ล้านบาท หากรวมวงเงินจากโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย ฯ ธนาคารออมสินที่เหลือ 2,987 ล้านบาท จะมีวงเงินในการปล่อยสินเชื่อในโครงการนี้ รวมทั้งสิ้น 10,412 ล้านบาท
ทั้งหมดนี้เป็นการขยายมาตรการสินเชื่อในโครงการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบรายย่อย ผู้ประกอบการอิสระ และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ รวมทั้งลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ยังคงมีความไม่แน่นอน