แม้มีความหวังได้ใช้วัคซีน แต่แนวโน้มการระบาดใหม่โควิด-19 กลายพันธ์ุยังคงมีผู้ป่วยและผู้เสียงชีวิตสูงขึ้นต่อเนื่อง องค์การอนามัยโลกได้ออกมาเตือนอีกครั้งว่าการระบาดปีที่สองนี้จะอันตราย และสาหัสกว่าปีก่อนโดยเฉพาะซีกโลกเหนือ และในวันที่ 14 ม.ค.ได้ส่งคณะวิทยาศาสตร์จากองค์การ 10 คนร่วมกับนักวิทย์จีนเพื่อไปค้นหาต้นตอแพร่ระบาดที่อู่ฮั่น และวางแผนรับมือกับสถานการณ์แพร่ระบาดที่ยังน่าวิตกร่วมกัน
เมื่อวันที่ 12 ม.ค.2564 นายไมค์ ไรอัน หัวหน้าฝ่ายฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก ออกมาเตือนว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีที่ 2 จะหนักหนาสาหัสกว่าปีแรก และชี้ให้เห็นถึงการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสกลายพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณซีกโลกเหนือ ซึ่งทำให้เห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง
“เรากำลังก้าวเข้าสู่ปีที่สองของการแพร่ระบาด มันจะสาหัสกว่าเดิม เมื่อดูจากพลวัตรของการแพร่เชื้อ ร่วมกับประเด็นต่างๆ ที่เห็นอยู่ขณะนี้”ไรอันกล่าว
ไรอันระบุว่า สถานการณ์ที่เห็นในซีกโลกเหนือโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรปและอเมริกาเหนือเป็นดั่งเคราห์ซ้ำกรรมซัด ที่เกิดความเลวร้ายขึ้นพร้อมๆ กัน ทั้งความหนาวเย็น ผู้คนต้องเข้ามาอยู่ในสถานที่ปิดภายในอาคาร ทำให้มีการปฏิสัมพันธ์กันเพิ่มขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้นในหลายประเทศ
ปัจจุบันจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมทั่วโลกทะลุ 92 ล้านคนไปแล้ว ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตก็ใกล้จะแตะหลัก 2 ล้านคนในเร็วๆ นี้เช่นกัน
สหรัฐอเมริกาเผชิญวิกฤตสาหัสไม่ลด
14 ม.ค.64 ตามข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ จนถึง 20.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นวันอังคาร (ตรงกับเมืองไทย 08.30 น.วันพุธ) สหรัฐฯพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ วันเดียว 235,000 คน และเสียชีวิต 4,470 คน โดยเวลานี้มีคนไข้โควิด-19 ที่นอนรักษาตัววอยู่ในโรงพยาบาล ราวๆ 131,000 คน
สหรัฐฯ กำลังเผชิญการระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างรุนแรงมากกว่าที่เคยเกิดขึ้นในปี 2563 โดยสถิติการพบผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมากที่สุดในวันเดียว 5 ครั้งหลังสุด ล้วนเกิดขึ้นในปี 2564 นี้ ขณะที่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาเฉลี่ยมากกว่าวันละ 3,300 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนถึง 217%
อย่างไรก็ตาม ดร.พอล ออฟฟิต สมาชิกคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านวัคซีนและผลิตภัณฑ์ทางชีวภาพ ของสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ เชื่อว่า ในเดือนมิถุนายน สถานการณ์ในสหรัฐฯ จะดีขึ้นอย่างมาก อันเป็นผลจากการฉีดวัคซีนเป็นวงกว้าง, สภาพอากาศที่อุ่นขึ้น, การเข้ามาบริหารของรัฐบาลใหม่ และ การสร้างภูมิคุ้มกันในสังคม
ที่จีนก็ยังวางใจไม่ได้
ผลการศึกษาชี้ว่าผู้ป่วย COVID-19 ที่รักษาในโรงพยาบาลอู่ฮั่น จำนวน 3 ใน 4 คนยังมีอาการข้างเคียงอย่างน้อย 6 เดือน หลังรักษาหายแล้ว ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลกเตือนอย่าคาดหวังมากเกินไป หลังจีนเปิดทางให้ทีมเข้าไปค้นหาต้นตอการระบาดได้แล้ว
คณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งชาติจีน แถลงว่า ในวันที่ 14 ม.ค.นี้ ทีมนักวิทยาศาสตร์ 10 คน ขององค์การอนามัยโลก จะเดินทางไปประเทศจีน เพื่อร่วมมือกับทีมนักวิทยาศาสตร์จีนค้นหาต้นตอของการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในเมืองอู่ฮั่น
ในขณะที่ประธานเครือข่ายเตือนภัยและตอบโต้โรคระบาดโลก องค์การอนามัยโลก เตือนว่าแม้ความร่วมมือในครั้งนี้จะมีความสำคัญ แต่อย่าคาดหวังถึงผลลัพธ์มากจนเกินไป หรือคาดว่าจะได้คำตอบทั้งหมดจากการเดินทางที่จะเกิดขึ้นโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลกจะเข้าหารือและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับทีมนักวิทยาศาสตร์ของจีน รวมถึงวางแผนว่าควรจะศึกษาเรื่องใดเพิ่มเติมบ้าง
