จากที่จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊กไลฟ์ peace talk โดยมีบางช่วงรายการที่มีประเด็นเกี่ยวกับการช่วยเหลือประชาชน การแก้ปัญหาของรัฐบาล รวมทั้งการย้ายตำรวจที่ไม่ช่วยแก้ปัญหาบ่อน?!?
ทั้งนี้ประธานนปช. กล่าวว่าได้ ร่วมกับหมู่มิตรและผู้ใหญ่ในสังคมช่วยกันลงขันมาร่วมกันจัด โครงการไทยช่วยกัน เพื่อแจกอาหารกล่องทุกมื้อเที่ยงทุกวันและบางวันจะไปแจกตามชุมชนตามโอกาสเอื้ออำนวย เริ่มเสาร์ที่ 9 ม.ค. ที่สถานีพีซทีวี รามอินทราซอย 40 แยก 33/1 โครงการแจกอาหารไม่มีการเมือง
“ส่วนจะไปพื้นที่ใดนั้นจะแจ้งให้เจ้าหน้าที่รับรู้ตามลำดับ พร้อมกับมีโครงการส่งพี่น้องกลับบ้านต่างจังหวัดด้วย เราเป็นคนเล็กๆ อยู่ท่ามกลางความยากลำบาก จึงเข้าใจความหิว เชื่อว่าโครงการที่ทำนี้ เป็นสิ่งที่ดีเพื่อให้กำลังใจกัน เป็นกำลังเล็กๆเพื่อช่วยสังคมให้อยู่ได้ จะเป็นความสุขหนึ่งที่เราจะได้ร่วมกันทำ ขอให้ช่วยกัน เราจะอยู่ได้ ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกันได้”
นอกจากนี้ นายจตุพร ยังกล่าวถึง การไปแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ซึ่งตนพร้อมพิสูจน์ข้อกล่าวหา การใส่ความเพื่อล้มตนจะชนะได้ต้องใช้ความจริงเท่านั้น การเอาความเท็จมาใส่ร้ายจะล้มไม่ได้แน่นอน ข้อกล่าวหาย้ายขั้ว สลับข้าง ทรยศต่อการต่อสู้นั้น ยอมรับไม่ได้ การนำเรื่องโกหก เป็นเท็จมากล่าวหานั้น อย่าว่าแต่เป็นคนเสื้อแดงเลย เป็นคนก็ไม่ได้
“ไม่ได้ห้ามวิจารณ์ แต่การวิจารณ์ใส่ร้ายด้วยข้อความเป็นเท็จ ยากจะยอมรับได้ คดีความเกี่ยวกับพรบ.คอมพิวเตอร์ จะเร็วกว่าคดีอื่น พวกใส่ร้ายต้องพิสูจน์ในสิ่งที่กล่าวหาอันเป็นเท็จนั้นให้ได้ ใครยังไม่หยุดก็เตือนไว้ก่อนจะถูกฟ้องเช่นกัน เพราะเป็นวิธีทางสุดท้ายแล้ว ตนทนไม่ได้ มันเหลืออดจริงๆ เพราะการใช้ความเท็จมาใส่ร้ายกัน ถือเป็นการทำลายล้างอย่างที่ไม่ควรจะเป็น”
อย่างไรก็ตาม นายจตุพร กล่าวอีกว่า การระบาดโควิด แพร่อย่างรวดเร็วมาก จนเกิดกังวลจะทำลายเศรษฐกิจให้ย่อยยับหนักกว่าการระบาดรอบแรก รัฐบาลควรมีบทเรียนสำคัญมาแล้ว แต่เมื่อการระบาดรอบสองมาจากบ่อนการพนันและการค้าแรงงานชายแดน จึงแสดงถึงตำรวจและทหารฝ่ายความมั่นคงบกพร่อง สิ่งสำคัญในปัญหาเฉพาะหน้านั้น รัฐบาลควรคำนึงถึงปัญหาความอดอยาก หิวโหย รัฐบาลต้องหาทางรักษาชีวิตผู้คนในด้านนี้โดยเร็ว และต้องแสดงความรับผิดชอบ เพราะคราวนี้ไม่รู้สถานการณ์จะทรุดไปถึงขั้นไหน สถานการณ์ขณะนี้ การรักษา หาวัคซีนมาป้องกันโควิดนั้น ใครสะดวกหามารักษาในช่องทางไหนรัฐไม่ควรเป็นอุปสรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไทยทุกอาชีพต้องช่วยกัน
“อย่าเอาแต่เรียกร้องให้ประชาชนเสียสละ เพื่อให้พ่อค้าผู้เกี่ยวข้องกับรัฐบาลได้ประโยชน์ฝ่ายเดียว ความบกพร่องมาจากรัฐบาลในฐานะบังคับกลไกราชการ ไม่ใช่ความผิดของคนนอก เมื่อกลไกตำรวจ ทหารบกพร่อง จึงเกิดเรียกร้องให้ปฏิรูประบบราชการดังขึ้นอีกครั้ง รวมทั้งการปฏิรูประบบแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยทำให้ตรงๆ ง่ายๆ ไม่สลับซับซ้อนจะทำกันอย่างไร เพราะไทยขาดแรงงานประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บอกมีเงินดูแล 40 ล้านคนนั้น หมายถึงอะไร หมายถึงจะเอาเงินมาเยียวยาคนใช่หรือไม่ เพราะยามวิกฤตคนขาดรายได้ จะมีความหิวโหย คนไม่เคยสัมผัสจะไม่รู้เรื่องความหิวเลย แต่คนจนรับรู้อย่างซาบซึ้งยิ่ง นอกจากนี้ รัฐบาลควรเตรียมการด้านสุขภาพจิต จากนี้ไปคนจะหวั่นวิตกอย่างมาก เกิดการฆ่าตัวตาย ลักวิ่งชิงปล้นกันมาก เมื่อรัฐพยายามหลีกเลี่ยงการล็อกดาวน์ ต้องรับผิดชอบคนด้วย
ด้านหนึ่งสามารถเรียกร้องให้เจ้าสัวลดราคาสินค้าลงมาช่วยให้คนได้มีกินในยามเดือดร้อน และช่วยให้ทุกคนรอดไปด้วยกัน ภายใต้สถานการณ์ที่ยุ่งยากเช่นนี้ ไม่ใช่เครื่องมือต่ออายุรัฐบาลเลย ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ เชื่อว่ายิ่งจะทำให้อายุสั้นลง วิกฤตนี้จึงเป็นโอกาสที่จะทำงานให้เต็มที่ จึงจะคนได้รับรู้ถึงศักยภาพ ได้รับเสียงชื่นชม ส่วนการสั่งย้ายตำรวจโดยลงโทษจากบ่อนการพนันนั้น ผมว่าไม่ใช่หนทางแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ” นายจตุพร กล่าว