พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานโฉนดที่ดินในพระปรมาภิไธย และเพื่อเป็นประโยชน์ในทางราชการต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เปิด 18 โฉนดที่ดินในพระปรมาภิไธย ทั่วประเทศ ที่ “ในหลวง-พระราชินี” ทรงพระราชทาน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
ล่าสุด ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas สหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความว่า… #เบิกเนตรม็อบราษฎร เรื่องโกหกมักจะมาก่อนความจริงเสมอ…
นายสมศักดิ์ เจียม ลุงปวินสุรชัย ฯลฯ ต่างมุ่งทำลายสถาบันฯ ด้วยการใส่ร้ายป้ายสีสร้างความเกลียดชัง ประเด็นหนึ่งคือการพำนักของในหลวงที่ประเทศเยอรมนี จนมีกลุ่มแนวร่วมใหม่ ๆ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคณะก้าวหน้า ม็อบราษฎร ฯลฯ แต่ประเด็นดังกล่าวก็เงียบสนิทไป เมื่อรัฐบาลเยอรมนีได้ออกมายืนยันอย่างชัดเจน ในหลวงไม่ได้ละเมิดกฎหมายใด ๆ ทั้งสิ้น กลุ่มคนเหล่านี้จึงหยุดกล่าวถึงประเด็นดังกล่าว แล้วหันไปหลอกมวลชนด้วยประเด็นอื่น ๆ แทน
ตอนนี้ก็มาถึงตาของนิทานเรื่อง “วัง……….คอมเพล็กซ์” ที่เละเป็นโจ๊กตามไปอีก เพราะที่ผ่านมาก่อนหน้านี้มีความชัดเจนแล้วว่า สนามม้านางเลิ้งจะถูกพัฒนาเป็นพื้นที่สวนสาธารณะ ให้ประชาชนได้มาพักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกาย ไม่ใช่อย่างที่นายสมศักดิ์เจียมหลอกลวง
มาวันนี้ 22 พ.ย. 2563 – ทุกอย่างก็ยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อในหลวงทรงพระราชทานโฉนดที่ดินจำนวนมาก เพื่อส่วนราชการต่าง ๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ทั้งนี้มีพื้นที่ซึ่งถูกนายสมศักดิ์เจียมแอบอ้างใส่เข้าไปในนิทานหลอกเด็กรวมอยู่ด้วย
– โฉนดที่ดิน 10 ไร่ 2 งาน 65.70 ตารางวา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เพื่อใช้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนราชวินิต
– โฉนดที่ดิน 6 ไร่ 3 งาน 22 ตารางวา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เพื่อใช้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนราชวินิต มัธยม
– โฉนดที่ดิน 60 ไร่ 1 งาน 80 ตารางวา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เพื่อใช้เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
– โฉนดที่ดิน 37 ไร่ 1 งาน 10 ตารางวา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เพื่อใช้เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยสวนดุสิต
นับตั้งแต่วันที่ในหลวงเติบโตขึ้นมาจนถึงวันนี้ พระองค์ได้ตามรอยพระราชบิดามาโดยตลอด แม้พระองค์จะมีความดีมากเพียงใด แต่ม็อบราษฎรไม่เคยสนใจสิ่งเหล่านี้ กลับสนใจแต่ข้อมูลบิดเบือนใส่ร้าย ตามชุดความคิดที่ถูกป้อนโดยไม่รู้ตัวผ่านโซเชียลมีเดีย ไม่ต่างจากโรคระบาด เต็มไปด้วยโปรแกรมของความเกลียดชังและความอาฆาตมาดร้าย ภายใต้กระบวนการปั่นกระแสโซเชียลมีเดีย อัลกอริทึม ตลอดจนเสียงสะท้อนในเอคโค่แชมเบอร์ หรือ กะลา นั่นเอง
หากจะบอกว่าม็อบราษฎรคิดได้เองก็ไม่จริง เพราะข้อเสนอปฏิรูปสถาบันฯของม็อบมาจากนายสมศักดิ์เจียม ซึ่งแค่ข้อแรกก็ผิดหลักวิชาการเสียแล้ว ความคุ้มกันของสถาบันฯ เป็นพื้นฐานระบอบการปกครอง มีอยู่ในทุกประเทศซึ่งมีระบอบการปกครองเดียวกัน หากจะบอกว่าม็อบราษฎรไม่มีแกนนำก็ไม่จริง เพราะมีแกนนำอยู่หลายระดับ ตั้งแต่ระดับปฏิบัติการลงถนน ไปจนถึงระดับหัวสมองที่คอยคิดแผนการเคลื่อนไหวทั้งหมดอยู่ในวอร์รูม ทั้งหมดเป็นเพราะการใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือชี้นำทางความคิดและควบคุมพฤติกรรม บวกกับเงินทุนจำนวนมากจากต่างประเทศ ทั้ง ๆ ที่เมื่อไม่กี่ปีก่อน เป็นแค่เพียงลัทธิเล็ก ๆ ในซอกหลืบของรั้วมหาวิทยาลัย
หากจะบอกว่าม็อบราษฎรเป็นความหวังของสังคมก็ไม่จริงเพราะ…
ปากบอกอยากปฏิรูป แต่จ้วงจาบหยาบช้าไม่มีหยุด
ปากบอกหยุดคุกคามประชาชน แต่คุกคามตำรวจถึงที่
ปากบอกสันติ แต่รนหาเรื่องก่อความวุ่นวายทุกครั้ง
ปากบอกภาษีกู แต่ทำลายทรัพย์สินสาธารณะ
ปากบอกต้องการอนาคตที่ดี แต่สร้างภาระให้สังคม
ปากบอกปัญญาชน แต่พฤติกรรมหยาบคายต่ำตม
ปากบอกขี้ข้าเผด็จการ แต่เป็นขี้ข้าอำมหิตที่ชักใยม็อบ
ปากบอกปลดแอก แต่ยอมแบกแอกรับใช้นักการเมือง
ปากบอกรักสิทธิมนุษยชน แต่เหยียดคนอื่นเป็นสัตว์
ปากบอกรักความเท่าเทียม แต่ละเมิดกฎหมายเสียเอง
ปากบอกรักเสรีภาพ แต่ละเมิดเสรีภาพของผู้อื่นไปทั่ว
ปากบอกต้องการประชาธิปไตย แต่พฤติกรรมอนาธิปไตย