จากสถานการณ์ต่างประเทศที่กำลังระอุในตอนนี้ โดยเป็นเหตุการณ์ที่กลุ่มประท้วงขวาจัดก่อจลาจล บุกสภาคองเกรส ทำวอชิงตันดีซีต้องประกาศเคอร์ฟิว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บนับสิบราย
โดย ซีเอ็นเอ็น และ เอพี รายงานสถานการณ์การว่า ฝูงชนฝ่ายขวาจัดที่สนับสนุนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ บุกเข้าอาคารรัฐสภา กลางกรุงวอชิงตัน เมืองหลวงของประเทศสหรัฐอเมริกา ขัดขวางการประชุมลงมติรับรองชัยชนะของนายโจ ไบเดน จนล่มกลางคัน บรรดาส.ส.ต้องอพยพออกจากห้องประชุม
ทั้งนี้ นายทรัมป์ยังได้มีการทวีตข้อความบนทวิตเตอร์บอกม็อบกองเชียร์ว่า “ผมเข้าใจความเจ็บปวดของท่าน เข้าใจความเจ็บใจ แต่ท่านต้องกลับบ้านได้แล้ว” อย่างไรก็ตามข้อความต่อมายังชื่นชมว่าเป็นมวลชน “สุดพิเศษ” ที่ร่วมต่อต้านการโกงเลือกตั้ง
ขณะที่ ทางด้านนายไบเดนมีการประณามมวลชนที่ใช้ความรุนแรงกลุ่มนี้ว่า “การโจมตีอาคารรัฐสภาไม่ใช่การชุมนุมเรียกร้อง แต่เป็นการก่อจลาจล ประชาธิปไตยนั้นเปราะบาง การจะปกป้องไว้ให้ได้ จะต้องอาศัยผู้นำที่อุทิศตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่ใช่เพื่ออำนาจของตัวเอง”
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าว ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว “Suphanat Aphinyan” แสดงความเห็นยกตัวอย่างเปรียบเทียบระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ และ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โดยระบุข้อความว่า “อย่างน้อยทรัมป์ก็กล้าออกมานำเอง ไม่มุดกระโปรงนักเรียนนักศึกษาเหมือนคนกลุ่มหนึ่ง”
อย่างไรก็ตาม ย้อนไปก่อนหน้านั้น นายธนาธรมีพฤติกรรมที่แสดงออกปลุกระดมให้กลุ่มคน หรือกลุ่ม นักเรียน นักศึกษาออกมาชุมนุม แม้ว่าตัวนายธนาธรเองนั้นจะไม่ออกมาแสดงตัวอย่างโจ่งแจ้งว่าหนุนม็อบ หรือออกมานำม็อบ ปราศรัยข้อเรียกร้องต่าง ๆ แต่นายธนาธรก็มีการออกมาโพสต์หรือให้สัมภาษณ์ถึงม็อบอยู่เรื่อยไป ไม่เพียงเท่านั้นในครั้งที่มีการชุมนุม ยังปรากฏภาพของนายธนาธรอยู่บริเวณที่ชุมนุมด้วย
ดังกรณีเมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2563 นายธนาธร ทวีตรูปภาพและข้อความในทวิตเตอร์ว่า “เย็นวันนี้ ผมขอออกมาร่วมแสดงพลัง ยืนเคียงข้างกับ นักเรียน นักศึกษา และประชาชน ไม่ใช่ในฐานะแกนนำ แต่ในฐานะพลเมืองที่ห่วงใยอนาคตของบ้านเมืองคนหนึ่ง”
และเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2563 นายธนาธร เดินทางไปที่บริเวณท้องสนามหลวง เพื่อให้กำลังใจกับกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม พร้อมเปิดใจว่า ข้อกล่าวหายืนยันว่าไม่จะได้เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของการชุมนุมครั้งนี้ ของกลุ่มนักศึกษามีความคิด และรับรู้ปัญหากับเมืองไทยมาโดยตลอด
การชุมนุมฃเป็นการพูดจากันด้วยเหตุด้วยผล อย่างอารยธรรม ไม่ได้เป็นการล้มล้างทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างที่เข้าใจ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลฟังเสียงของนักศึกษาในวันที่ 20 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล “นี่ไม่ใช่การต่อสู้ครั้งสุดท้าย ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะทำให้การเมืองและบ้านเมืองกลับมาเป็นประชาธิปไตย ที่สำคัญต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม”
แม้ว่านายธนาธรจะพยายามออกมาปฏิเสธ ดังที่เคยให้สัมภาษณ์หลังจากมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า “มีการระดมม็อบในอนาคตใช่หรือไม่”
ไม่เพียงเท่านั้น นายธนกร วังบุญคงชนะ ยังเคยกล่าวถึงกรณีที่ นายธนาธร ้เชิญชวนประชาชนร่วมชุมนุมเรียกร้องไม่เอารัฐบาลสืบทอดอำนาจ ว่า วันนี้ บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย นายธนาธรก็ผ่านการเลือกตั้งมา แต่ในหัวนายธนาธรคิดอยู่ 2 อย่าง คือ บ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย สืบทอดอำนาจเผด็จการ แต่ไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตนี้จะทำประโยชน์อะไรให้ประเทศชาติและประชาชนบ้าง ไม่เคยคิดนโยบายที่ทำให้ประเทศก้าวหน้า ประชาชนอยู่ดีกินดี
วันนี้ออกมาปลุกระดมประชาชนให้ออกไปชุมนุมอีก โดยอ้างบ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย รัฐบาลมาจากการสืบทอดอำนาจเผด็จการ ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวต่าง ๆ เป็นสิทธิเสรีภาพ สามารถทำได้หากไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น และอยู่ในกรอบของกฎหมาย แต่ตนมองว่า ยังไม่ใช่เวลาของการเมือง แต่เป็นเวลาที่ประชาชนจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันฝ่าวิกฤติโควิด-19 ร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อเอาชนะโควิด-19 อยากให้ทุกฝ่ายได้เข้าใจ