จากที่สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ แม่ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มอบหมายทนายเข้าแจ้งความ ต่อ ร.ต.อ.สุรสิทธิ์ ใจเที่ยง รองสารวัตรสอบสวน สภ.ป่าโมก อ่างทอง ให้ดำเนินคดีต่อนายเสรี วงษ์มณฑา กับนายอานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ในข้อหาหมิ่นประมาทนั้น
ทั้งนี้โดยการแจ้งความในข้อหาหมิ่นประมาทครั้งนี้ ได้มีการฟ้องนายเสรี กับนายอานนท์ ที่ได้หมิ่นประมาทนางสมพร โดยอ้างว่าบุคคลทั้งสองเจตนากระทำให้นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ และครอบครัวให้ได้รับความเสียหาย ผ่านรายการวิเคราะห์ข่าว “เรื่องลับมาก” ตอน “ดร.อานนท์” คาใจหลายปม ก่อน “ธนาธร” ลงเล่นการเมือง
ขณะที่เหตุการณ์เกิดขึ้นในการถ่ายทอดออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง Nation TV 22 รวมทั้งช่องทางสื่อสารในรูปแบบอื่น ๆ โดยบุคคลทั้งสองได้หยิบยกนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งเป็นบุตรของผู้เสียหายมาบังหน้า เพื่อให้ประชาชนเข้าใจว่าบุคคลทั้งสอง ทำหน้าที่สื่อมวลชนช่วยสอดส่อง ดูแล คอยเป็นหูเป็นตาแทนประชาชน แต่การกระทำของบุคคลทั้งสองมีจุดประสงค์เพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างเรื่องราวอันเป็นความเท็จเพื่อใส่ความผู้เสียหายและครอบครัว
ต่อมาก็เกิดคำถามขึ้นในสังคมว่า ทำไมแม่ของนายธนาธร ถึงไม่ฟ้องกับสถานีของเนชั่นโดยตรงด้วย เพราะเป็นต้นสังกัดเผยแพร่รายการดังกล่าว แต่กลับมาเลือกฟ้อง 2 ดอกเตอร์ ที่เป็นผู้ดำเนินรายการ และแขกรับเชิญแทน หรือจะมีกลิ่นแปลกๆ หลังจากที่เนชั่นเปลี่ยนทิศทางการบริหารงาน??? รวมทั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดต้องไปฟ้องกันถึงจังหวัดอ่างทอง ทั้งที่พื้นที่เกิดเหตุคือ ย่านบางนา สมุทรปราการ???
ด้าน ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ หนึ่งในผู้ถูกแจ้งความฟ้องหมิ่นประมาท ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า “Strategic lawsuit against people participation (SLAPP) เป็นการฟ้องโดยคนของนักการเมืองชั่วเพื่อปิดปากประชาชนพลเมืองดีที่ตรวจสอบนักการเมืองชั่วล้มเจ้า
แต่ยิ่งฟ้องมา ผมจะยิ่งขุด ยิ่งเอาความจริงออกมาสู้ เพื่อประเทศไทย เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” ผมจะเอาพวกล้มเจ้า เข้าคุกให้ได้ทั้งหมด กูไม่กลัวมึง”
ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยข้อสงสัยอีกว่า “แม่คนเนรคุณสองแผ่นดิน มีนักการเมืองใหญ่อ่างทองเป็นที่ปรึกษากฎหมาย ทรงอิทธิพลในอ่างทอง สั่งตำรวจ ข้าราชการได้ การเลือกไปแจ้งความที่อ่างทอง จึงน่าจะมีเจตนากลั่นแกล้งแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมด้วยอำนาจมืด ที่ฮาขี้แตกขี้แตน คือ ฟ้องวิทยากรกับพิธีกร แต่ไม่ฟ้องสถานี อ้าวมันพวกเดียวกันไหม ชูสามกีบล้มเจ้าเหมือนกันไหม พวกเดียวกันไหม”
ส่วนทางด้าน นายสุพล นิลวิเชียร ทนายความของนางสมพร กล่าวถึง เหตุที่มาแจ้งความที่ป่าโมก จังหวัดอ่างทอง เนื่องจากผู้ที่รู้จักกับผู้เสียหายได้รับชมรายการที่เป็นการหมิ่นประมาทที่นี่ แล้วได้สอบถามไปยังผู้เสียหายว่าเหตุการณ์ที่บุคคลทั้งสองกล่าวหามีข้อเท็จจริงว่าอย่างไร จึงจำต้องมาแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับบุคคลทั้งสองที่สถานีตำรวจภูธรป่าโมก
อย่างไรก็ตามแม้จะมีคำชี้แจงของฝ่ายทนายนางสมพร ออกมาให้รับทราบกันไปแล้วเบื้องต้น แต่สังคมก็ยังอดสงสัย และตั้งข้อสังเกตุไม่ได้ว่า ถึงอย่างไรทางผู้ที่อ้างว่าเสียหายนั้น ก็สามารถฟ้องยังพื้นที่เกิดเหตุ หรือ พื้นที่พักอาศัยของตนก็ได้หรือไม่ โดยไม่จำเป็นต้องไปไกลถึงพื้นที่ โดยอ้างถึงบุคคลที่สาม??? ดังนั้นจึงมีความน่าสนใจไม่น้อยเกี่ยวกับการตั้งข้อสงสัยของดร.อานนท์ ที่ระบุไว้ในเฟซบุ๊ก ถึงนักการเมืองใหญ่ ทรงอิทธิพลทั้งยังเป็นที่ปรึกษากฎหมายด้วย ยิ่งทำให้สังคม และประชาชนทั่วไปอยากรับรู้ถึงข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร อันนี้ต้องให้ดร.อานนท์ เป็นผู้เฉลยเองว่าเท็จจริงแค่ไหน อย่างไร???
กระนั้นสำหรับนักการเมืองในจังหวัดอ่างทอง มีอยู่หลายคนด้วยกัน หากจะกล่าวกันถึงสนามใหญ่ หรือ ส.ส. ก็น่าจะไปดูกันที่บุคคลที่คนทั่วไปรู้จักทั้งหน้าใหม่ หน้าเก่า ซึ่งต้องยืนยันก่อนว่า รายชื่อที่กล่าวมานี้เป็นแค่นักการเมืองในจังหวัด โดยแน่นอนว่า คนเป็นนักการเมือง เป็นส.ส.ย่อมมีบารมี มีอำนาจในพื้นที่อยู่แล้วไม่มากก็น้อยเพราะถือเป็นบุคคลสำคัญ ย่อมได้รับเกียรติ เป็นที่เคารพนับถือต่อประชาชนในพื้นที่ ทั้งปัจจุบันและอดีต
จังหวัดอ่างทอง ในอดีตที่ผ่านมา การเลือกตั้ง สส.อำนาจทางการเมือง จะตกอยู่ภายในตระกูล “ปริศนานันทกุล”ของ เสี่ยตือ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีต สส.หลายสมัย เป็นส่วนใหญ่
สำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรล่าสุดเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 จังหวัดอ่างทองต้องถูกยุบเขตการเลือกตั้ง จาก 2 เขต เหลือเพียงเขตเดียว ทำให้มี ส.ส.ได้เพียงคนเดียว โดยนายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.จากพรรคภูมิใจไทย บุตรชาย นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ได้รับชัยชนะ ซึ่งมีดีกรีจบการศึกษาชั้นมัธยมจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาสถิติ จากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโททางด้านเศรษฐศาสตร์ จาก Warwick University ประเทศอังกฤษ
โดยชนะคนจากค่ายเพื่อไทย คือ พล.ต.ต.ประจวบ เปาอินทร์ น้องชาย พล.ต.ท. วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขณะพรรคอนาคตใหม่ นางพชิชา เสือหัน เบอร์ 9 ได้ 19,577คะแนน ด้านตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 1 คือนาย อรชุน ประสิทธิ์สมบัติ ถูกตัดสิทธิ ส่วนผู้แทนฯของประชาธิปัตย์ที่เคยเป็นส.ส.เขตจังหวัดอ่างทองมาก่อนอย่าง นายนิพนธ์ วิสิษฐยุทธศาสตร์ ได้ไปลงแบบบัญชีรายชื่อ อันดับที่ 45
อย่างไรก็ตามชื่อชั้นของนายนิพนธ์ ไม่ธรรมดา แม้ในอ่างทองจะมีตระกูล ปริศนานันทกุล ครองความยิ่งใหญ่ฐานการเมืองแข็งแรง แต่นายนิพนธ์ ก็เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดอ่างทอง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 ถึง พ.ศ. 2535 เป็นสมาชิกวุฒิสภา ในระหว่างปี พ.ศ. 2539 ถึง พ.ศ. 2543
ทั้งต่อมาในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2550 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง และเป็น ส.ส.สัดส่วน สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 ได้ลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อ และได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. อีกด้วย ซึ่งนายนิพนธ์ เป็นชาวจังหวัดอ่างทอง จบการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนป่าโมกวิทยาภูมิ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขานิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์