เปิด “ข้อเสีย” เมื่อร่างกายได้รับ วัคซีนโควิด 3 กลุ่ม อาจส่งผลเสียต่อร่างกาย

8313

รู้ก่อนใช้ อย่าไว้ใจก่อนรับ!! เปิด “ข้อเสีย” เมื่อร่างกายได้รับ วัคซีนโควิด 3 กลุ่ม อาจส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว!!

หลังจากที่เพจเฟซบุ๊ก Street Hero Project ได้โพสต์ในเนื้อหาปักหมุดในหัวข้อ “#เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัคซีนโควิด ไทยเรามาถูกทางแล้วหรือยัง ?” ระบุว่า ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจตรงกันก่อนว่า วัคซีนโควิดต้องฉีดทุกปีเหมือนวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไม่ใช่ครั้งเดียวจบ

วัคซีนโควิดที่ผลิตมามีอายุการใช้งานอยู่ราวประมาณ 6 เดือน – 1 ปี วัคซีนโควิดเป็นที่ต้องการทั้งโลกแต่โรงงานที่พร้อมผลิตมีไม่เยอะ และวัคซีนโควิดทุกยี่ห้อยังไม่มีที่ไหนผ่านการทดลอง 100 %

ทีนี้เรามาดูกันว่าวัคซีนที่เมืองนอกได้ฉีดแล้วมีอยู่ 3 ยี่ห้อ คือ ไฟเซอร์ โมเดอร์นา และแอสตราเซนนิกา ในเมกาและยุโรป และมีอีก 3 ยี่ห้อ ในจีนและรัสเซีย ไทยเลือกทำสัญญากับทางบริษัทแอสตราเซนเนก้าเป็นหลัก มีสัญญาการสั่งซื้อเบื้องต้น 26 ล้านโดส

#ด้านคุณภาพ วัคซีนทุกยี่ห้อยังอยู่ในช่วงการทดลอง และอนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ยังไม่มีที่ไหนสมบูรณ์และได้อนุมัติให้ใช้ตามปกติ ที่ฉีด ๆ กันอยู่จึงมีความเสี่ยงพอ ๆ กัน แต่ทั้ง 3 ยี่ห้อนี้ ถือว่าผ่านการทดลองขั้น 3 แล้วเหมือนกันถือว่ามีความปลอดภัยพอสมควร ประสิทธิภาพเกิน 90%

#ด้านราคา วัคซีนของแอสตราเซนนิกา ซึ่งต้องใช้ 2 โดสมีราคาอยู่ที่ประมาณ 3-4 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 90-120 บาท) ต่อโดสเท่านั้น ทั้งนี้ ราคาอาจสูง 150-170 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับวัคซีนอีกสองตัว พบว่าราคาต่ำกว่าวัคซีนของไฟเซอร์ (600 บาทต่อโดส) และโมเดอร์นา (970-1,120 บาทต่อโดส) อย่างมาก

#ด้านการจัดเก็บ ขนส่ง และกระจายวัคซีนโควิด ไฟเซอร์จัดเก็บที่อุณหภูมิ -80 องศาเซลเซียส โมเดอร์นาจัดเก็บที่อุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส แอสตราเซเนก้าจัดเก็บที่ 2-8 องศาเซลเซียส

หากเราเลือกไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา เราจะต้องซื้อตู้เย็นที่ทำอุณหภูมิติดลบได้ขนาดนั้น ตู้หนึ่งก็หลักแสนแล้วต้องซื้อกี่ชุดกระจายทั่วประเทศ ใช้งบอีกเท่าไหร่ที่สำคัญจะมีของไหม ดังนั้นการเลือกเอสตร้าเซนนิก้าจึงเหมาะสมกับประเทศไทยทั้งด้านคุณภาพ ราคา และการจัดเก็บ

#แต่สิ่งที่โคตรวิเศษ คือ ประเทศไทยได้รับการคัดเลือกให้โรงงานของบ.สยามไบโอไซเอนซ์ เป็นเพียงไม่กี่โรงงานในโลกที่พร้อมผลิตวัคซีนให้คนไทยรวมถึงคนทั่วโลกได้ใช้ในภาวะวิกฤตน

ล่าสุดทางด้านของ นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว ถึงข้อดีและข้อเสียของ วัคซีนโควิด-19 โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

โควิด 19 ความรู้เรื่องวัคซีนโควิด 19
วัคซีนมีหลายชนิด ขณะนี้ที่อนุญาตให้ใช้ในมนุษย์ใน ภาวะปกติ และฉุกเฉิน ที่ผ่านการทดลองมี 3 กลุ่ม

1.mRNA วัคซีน เช่น วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ moderna
วัคซีนชนิดนี้จะเป็น mRNA ที่ถูกห่อหุ้มด้วย lipid nanoparticle เมื่อฉีดเข้าไปที่กล้ามเนื้อ particle จะเข้าสู่ เซลล์กล้ามเนื้อ mRNA จะถูกถอดออก ใน cytoplasm หรือของเหลวในเซลล์ แล้วmRNA จะเข้าสู่ ribosome ทำการสร้างโปรตีน ตามรูปแบบที่กำหนด messenger RNA

ดังนั้น RNA ที่ใส่เข้าไปจะต้องมี Cap, 5’ UTR, spike RNA, 3’UTR และ poly A tail อยากให้พวกเราสนใจวิทยาศาสตร์ จะเข้าใจง่ายขึ้น ในรูปแบบที่กล่าวถึงโรงงาน ribosome จะสร้างโปรตีนตามกำหนดและ ส่งผ่านออกทาง golgi ออกสู่นอกเซลล์

โปรตีนที่สร้างออกมาจะเป็นแอนติเจนไปกระตุ้นร่างกายสร้างแอนติบอดี ที่เป็นภูมิต้านทานต่อโรคโควิด 19
ข้อดีของวัคซีนชนิดนี้ทำได้ง่าย และเป็นจำนวนมากอย่างรวดเร็ว เพราะทำในโรงงาน กระตุ้นภูมิต้านทานได้สูง

ข้อเสียอยู่ที่ว่า RNA สลายตัวได้ง่าย เก็บที่อุณหภูมิต่ำมากๆ และวัคซีนชนิดนี้เป็นชนิดแรกที่ใช้ในมนุษย์ อาการข้างเคียงหลังฉีดพบได้บ่อยกว่า วัคซีนที่ทำโดยชนิดเก่า เช่นมีไข้ ปวดเมื่อย และผลระยะยาวคงต้องรอการศึกษาต่อไป เช่นติดตามเป็นปีหรือหลายปี

2.ไวรัสvector (ของอังกฤษ, AstraZineca และรัสเซีย Spuknic V)
วัคซีนนี้จะใช้วิธีการเอาสารพันธุกรรมของไวรัส ใส่เข้าไปในไวรัสที่จะเป็นเวกเตอร์ หรือ ตัวฝากนั่นเอง ที่ใช้อยู่เป็น adenovirus, vesicula stomatitis virus ไม่ก่อโรคในคน

การใส่เข้าไปเข้าใจว่าเป็น cDNA ของ covid 19 เพื่อให้ไวรัส vector ส่งสารพันธุกรรม ของ covid-19 เข้าไปในเซลล์มนุษย์ เมื่อเข้าไปแล้ว ไวรัสจะถอดรูปพันธุกรรมที่ส่งเข้าไป จะต้องเข้าไปในนิวเคลียสของเซลล์ เพื่อลอกแบบ และเปลี่ยนให้เป็น mRNA ส่งออกมา แล้วส่วนของ mRNA จะไปที่ ไรโบโซม เพื่อทำการสร้างโปรตีน ตามรูปแบบที่กำหนดไว้ คือ spike โปรตีน ส่งผ่านออกมาทาง golgi ออกนอกเซลล์เช่นเดียวกับ mRNA

โปรตีนที่ส่งออกมา จะทำหน้าที่เป็นแอนติเจนกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดี ต่อเชื้อโควิค 19
ข้อดีของวัคซีนชนิดนี้คือ ผลิตได้จำนวนมากได้ง่าย เพราะทำจากโรงงาน เป็น DNA จะมีความคงทนกว่า จึงสามารถเก็บได้ในอุณหภูมิ 2 – 8 องศา ราคาจะถูก เพราะทำได้จำนวนมาก

วัคซีนนี้เป็นชนิดใหม่เช่นเดียวกัน ผลระยะยาวจึงยังไม่ทราบ และ จะต้องคำนึงอีกประการหนึ่งคือขั้นตอนที่ผ่านนิวเคลียสของเซลล์ เราไม่ทราบว่าจะมีการรวมตัว integrate กับ DNA ของมนุษย์ ตามหลักการ แล้วไม่ ผลระยะยาวก็คงต้องติดตามต่อไป

3.วัคซีนเชื้อตาย (ของจีน Sinovac, Sinopharm)
วิธีการผลิตจะใช้หลักการกับวัคซีน ที่ทำมาแต่ในอดีตเช่น วัคซีนตับอักเสบเอ วัคซีนโปลิโอ พิษสุนัขบ้าและอื่นๆอีกหลายชนิด

นักวิทยาศาสตร์จะใช้เชื้อโควิด 19 เพราะเลี้ยงบน Vero cell เซลล์ชนิดนี้ ใช้ทำวัคซีนหลายชนิดเช่นวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และใช้กันมานานมาก อย่างที่เราฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า
เมื่อเพาะได้จำนวนไวรัสจำนวนมาก ก็จะเอามาทำลายฤทธิ์หรือฆ่าเชื้อให้ตายแล้วนำมา formulation ใส่สารกระตุ้นภูมิต้านทาน

ข้อดีของวัคซีนชนิดนี้คือ วิธีการทำเป็นวิธีที่เรารู้กันมาแต่โบราณ ในเรื่องความปลอดภัย เป็นเชื้อตายสามารถให้ในคนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องได้ ภูมิคุ้มกันต่ำ เชื้อไม่ไปเพิ่มจำนวน
การกระตุ้นภูมิต้านทานจะได้ระดับต่ำกว่าวัคซีนที่กล่าวมาจากข้างต้น

ข้อเสียของวัคซีนชนิดนี้คือการผลิตจำนวนมาก จะทำได้ยาก เพราะไวรัสชนิดนี้เป็นไวรัสก่อโรค จะต้องเพาะเลี้ยง ในห้องชีวนิรภัยระดับสูง ต้นทุนในการผลิตจะมีต้นทุนสูง

เราจะเห็นว่าวัคซีนไวรัสตับอักเสบ เอไม่สามารถลดราคาลงให้ถูกลงได้ ในทำนองเดียวกันการผลิตจำนวนมากของวัคซีน covid19 ชนิดเชื้อตายก็จะมีขีดจำกัด

การตอบแบบสอบถามวันนี้ จะดูข้อสรุป เข้าใจว่าจะมีคนตอบมาประมาณ 40,000 คน สิ่งที่ต้องการวันนี้อยากให้เด็กรุ่นใหม่สนใจงานวิทยาศาสตร์ เรามาช่วยกันส่งเสริม
และหลังจากนี้อีกสักระยะหนึ่งเมื่อทุกคนมีความรู้มากขึ้น จะตั้งแบบสอบถามขึ้นอีก ดูการเปลี่ยนแปลงและความต้องการ เพราะมีการพูดกันว่ากลัววัคซีนจะเหลือ
ยง ภู่วรวรรณ