ช็อคโลก-สหรัฐระบบสาธารณสุขล่มสลาย?!? ลอสแองเจลิสวิกฤตสาหัส รถพยาบาลไม่รับผู้ป่วยหนัก ขาดเตียง ขาดออกซิเจน

9484

ประเทศมหาอำนาจสหรัฐ ที่มั่งคั่งและเชื่อมั่นว่าวิถีอเมริกันยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งที่สุดในโลก วันนี้พบความจริงที่ว่า “ระบบสาธารณสุขทั้งประเทศกำลังล่มสลาย” เพราะพ่ายแพ้การระบาดโควิด-19 ทั้งๆที่มีการฉีดวัคซีนแล้วถึง 2 บริษัทฯ ขณะที่ทั่วประเทศยังคงเจ็บป่วยวันละกว่า 160,000 รายเสียชีวิตนาทีละ 2 ราย ล่าสุดลอสแองเจลิสวิกฤตหนัก รถพยาบาลถูกสั่งห้ามไม่รับผู้ป่วยหนักที่มีโอกาสรอดต่ำเพราะไม่มีเตียง ออกซิเจนขาดแคลน

ทำไมวิกฤตระบบสาธารณสุข? เพราะป่วยพุ่งไม่หยุดแม้มีการฉีดวัคซีนแล้ว

ล่าสุดวันนี้ สหรัฐป่วยติดเชื้อสะสม 21,353,051 ราย เสียชีวิต 362,123 ราย รักษาหายแล้ว 12,736,512 ราย แสดงว่ายังรักษาตัวอยู่จำนวน 8,254,416 ราย

วันที 5 ม.ค.2564 สำนักข่าวซินหัวไทย,เอ็นพีอาร์สหรัฐ กล่าวถึงคำเตือนของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ลอสแองเจลิส ที่มีอัตราผู้ป่วยสูงสุด ว่า “ยอดการรักษาตัวในโรงพยาบาลของผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ ทำให้ระบบสาธารณสุขของประเทศเข้าสู่ภาวะวิกฤตจนถึงขั้นล่มสลายได้”

ดร.แบรด สเปลล์เบิร์ก หัวหน้าเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยเซาเทิร์น แคลิฟอร์เนียแห่งเทศมณฑลลอสแอนเจลิส 

เขากล่าวว่า “ถ้ายอดผู้ป่วยในโรงพยาบาลพุ่งสูงอีก ระบบสาธารณสุขของสหรัฐฯ อาจถึงคราวล่มสลาย” โรงพยาบาลในสหรัฐฯ เริ่มประสบปัญหา “ขาดแคลนแรงงานดูแลสุขภาพมาตั้งแต่หลายเดือนก่อน” และการรวมตัวสังสรรค์ในช่วงเทศกาลวันหยุด ทำให้ยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มสูงขึ้นระลอกใหม่

สหรัฐฯ มี “ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลสูงเกิน 100,000 ราย ติดต่อกัน 32 วัน” โดยตัวเลขของวันพฤหัสบดี (31 ธ.ค.) อยู่ที่ 125,379 ราย

สเปลล์เบิร์กเสริมว่าประชาชนสามารถหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้ด้วยการปฏิบัติตามแนวทางด้านสุขภาพ ซึ่งต่างจากโรงพยาบาลที่ทำได้เพียงตอบสนองต่อสถานการณ์เท่านั้น

สถานการณ์ตอนนี้ที่สหรัฐฯ ถึงขั้นต้องเลือกจะปล่อยให้ใครตาย?

นครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกาเข้าขั้นวิกฤต หน่วยงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินประกาศห้ามรถพยาบาลนำผู้ป่วยที่มีโอกาสรอดชีวิตต่ำ กลับไปรักษาที่โรงพยาบาล เพื่อลดภาระของโรงพยาบาลที่กำลังเผชิญกับภาวะผู้ป่วยล้นมือและออกซิเจนขาดแคลน

วันนี้(6 ม.ค.2564) สำนักงานบริการการแพทย์ ฉุกเฉินในนครลอส แอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ออกคำสั่งห้ามคนขับรถพยาบาลนำผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันและไม่สามารถปั้มหัวใจให้กลับมาหายใจด้วยตัวเองได้ ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล เนื่องจากเป็นผู้ป่วยที่เข้าข่ายมีโอกาสรอดชีวิตต่ำ การส่งไปโรงพยาบาลถือเป็นการเพิ่มภาระให้กับเจ้าหน้าที่ที่เผชิญปัญหาผู้ป่วยล้นมืออยู่แล้วเนื่องจากการระบาดของ COVID-19

ดร.นิโคล บอสสัน ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักบริการการแพทย์ฯกล่าวว่า“เรื่องเกิดขึ้นมากมายที่นี้ ซึ่งประชาชนคิด เห็นและก็พากันรายงานเรื่องราว แต่ความจริงมันเลวร้ายกว่าที่ประชาชนคิด” “ผมขอบอกว่าถ้าประชาชนยังจับกลุ่มกันทำกิจกรรม ฉลองปีใหม่ สังสรรค์ในครอบครัว และทำแบบนี้ส่งผลกับระบบสุขภาพของเราแน่นอน” “เราตัดสินใจไม่รับผู้ป่วยที่จะต้องใช้ออกซิเจนมากกว่าจะมาถึงโรงพยาบาล และหรือรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลขณะที่มีโอกาสรอดชีวิตต่ำอยู่แล้ว เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับคนที่ยังมีโอกาสในการมีชีวิตรอดมากกว่าและต้องการออกซิเจนจริงๆ”

โรงพยาบาลในรัฐแคลิฟอร์เนีย รับผู้ป่วยถึงขีดจำกัดของเตียงที่พวกเขาจะสามารถรับได้แล้ว และหลายแห่งเริ่มเห็นคนไข้ไปอยู่ตามร้านขายของภายในโรงพยาบาล, โรงจอดรถ และ เต็นท์กลางแจ้ง ขณะที่รถพยาบาลจำเป็นต้องเข้าคิวหน้าโรงพยาบาลนานหลายชั่วโมง เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉินมารับตัวผู้ป่วยไป

ทั้งนี้รัฐแคลิฟอร์เนียเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีการระบาดรุนแรงที่สุดของประเทศในช่วง 7 วันที่ผ่านมา ความเคลื่อนไหวล่าสุดจาก กรมสาธารณสุขลอสแอนเจลิส เคาน์ตี รายงานในวันจันทร์ (4 ม.ค.2564) ว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 9,142 ราย ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 77 ศพในช่วงเวลาเดียวกัน โดยในปัจจุบัน แอลเอเป็นเคาน์ตีที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดในสหรัฐฯ ที่ 818,000 ราย และเสียชีวิตมากกว่า 10,700 ศพ โดยทางการเตือนว่า หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป อีกไม่นาน แอลเออาจมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,000 รายต่อวัน