จากกรณีที่ 2 นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้เปิดเผยเบื้องลึกของข้อมูลวัคซีนโควิด-19 โดยทางด้าน ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผู้อำนวยการบริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า วัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันสามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม
คือ กลุ่มแรก วัคซีนที่ผลิตจากต่างประเทศ และผ่านการรับรองให้ใช้ในภาวะฉุกเฉินได้แล้ว และประเทศไทยได้จองซื้อเพื่อนำมาใช้กับคนไทย กลุ่มที่สอง คือวัคซีนที่คิดค้นพัฒนาภายในประเทศ โดยอาจจะร่วมมือกับนักวิจัยระดับโลก และกลุ่มที่สาม ได้แก่วัคซีนที่ผลิตเองในประเทศไทย
สำหรับวัคซีนที่จะนำมาใช้กับคนไทยเพื่อหยุดการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น น่าจะได้เร็วที่สุดช่วงกลางปีหน้า โดยเป็นวัคซีนที่ซื้อมาจากต่างประเทศ หรือนำเทคโนโลยีของต่างประเทศมาผลิตในประเทศ เช่น จาก บริษัท แอสตร้า เซนเนก้า ส่วนวัคซีนที่วิจัยกันในประเทศไทย ได้แก่ วัคซีนของคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ คาดว่าจะได้ทดลองฉีดในอาสาสมัครราว ๆ หลังสงกรานต์
ส่วนทางด้านนพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เปิดเผยว่า การจัดหาวัคซีนมาใช้ มีทั้งซื้อมาตรง ๆ กับรับถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต อีกด้านคือสนับสนุนงานวิจัยภายในประเทศ แม้จะมีวัคซีนแล้ว ก็ยังต้องใช้เวลานานพอสมควรในการควบคุมการระบาด
โดยในปี 2564 ต้องจัดหาวัคซีนให้ได้ 50% ของประชากร หรือราว ๆ 33 ล้านคน โดยวิธีการจองซื้อจากบริษัทผู้ผลิตวัคซีนที่มีศักยภาพ ส่วนงานวิจัยภายในประเทศ ยังไม่น่าจะมีวัคซีนที่จะนำมาใช้ได้ในปีหน้า
สำหรับวัคซีนที่ไทยจองไปแล้ว จากบริษัทแอสตร้า เซนเนก้า โดยจำนวนที่ต้องการยังขาดอีก 30% คณะกรรมการเร่งรัดจัดหาวัคซีน ที่มีปลัดกระทางสาธารณสุขเป็นประธาน ก็ให้แนวทางไปจัดหาวัคซีน โดยดูศักยภาพของบริษัทผู้ผลิตว่ามีแนวโน้มประสิทธิผลเป็นอย่างไร ดูเรื่องราคา ความปลอดภัย และระยะเวลาในการส่งมอบ ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญ
เป้าหมายของการฉีดวัคซีนอีกด้านหนึ่ง คือความครอบคลุมในการรับวัคซีน ซึ่งไม่จำเป็นว่าทุกคนต้องได้รับวัคซีน แต่ถ้าคนจำนวนมากพอสมควรได้รับวัคซีนแล้ว ก็จะช่วยป้องกันคนที่ไม่ได้รับวัคซีนไปด้วย เช่น ฉีดวัคซีนไปประมาณ 80% ของประชากร คนที่ไม่ได้รับวัคซีนก็จะได้รับความคุ้มกันไปด้วย ถ้ามีภูมิคุ้มกันสัก 70% สำหรับโควิด-19 ก็จะป้องกันคนอื่น ๆ ได้ด้วย
ล่าสุดทางด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (30 ธ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ตนเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนทุกรายที่ผลิตออกมาจำหน่ายแล้ว เพื่อให้ได้วัคซีนมาใช้ในช่วงที่มีการระบาดขณะนี้
ซึ่งผลของความพยายามและเจรจากับผู้ผลิตวัคซีน สรุปได้ว่า ภายในเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเมษายน 2564 วัคซีนจะถูกส่งมาถึงประเทศไทย ไม่น้อยกว่า 2 ล้านชุดก่อน
โดยตนได้นำเรียนผลการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนทุกราย ให้นายกรัฐมนตรี ทราบแล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้การสนับสนุนเต็มที่ ทั้งงบประมาณ และได้สั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันทีเพื่อเร่งรัดกระบวนการจัดหาวัคซีนมาให้ถึงประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงโดยเร็วที่สุด
“วันนี้ จะมีการเจรจากันต่อ เพื่อให้ได้วัคซีน มาให้ได้มากที่สุด เร็วที่สุด เพื่อความปลอดภัยของประชาชนคนไทยซึ่งเป็นภารกิจที่สำคัญที่สุดของรัฐบาล”