จากที่พลโท สรภฎ นิรันดร บุตรชายคณะราษฎร 2475 นั่นคือ พันตรี เสวก นิรันดร หรือ ขุนนิรันดรชัย หนึ่งในคณะราษฎร 2475 สายทหารบก แถลงบิดาได้กระทำการมิบังควรต่อทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มาเป็นของตนเองโดยมิชอบนั้น???
ทั้งนี้ พลโท สรภฎ ได้ออกมาสำนึกผิดแทนบิดา นั่นคือ พันตรี เสหวก นิรันดร ซึ่งมีเนื้อหาบางช่วงระบุว่า ก่อนเสียชีวิตคุณพ่อได้มีความสำนึกผิด ช่วงนั้นท่านยังมีชีวิตก็ได้สำนึกผิดซึ่งเหตุการณ์มิบังควรนั้นได้เกิดขึ้น ตอนคุณพ่อเป็นกรรมการสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เรื่องเกี่ยวกับที่ดินของตระกูล นิรันดร ที่มีจำนวน 80 แปลง มีอยู่ที่ถนนสาทร 3ไร่กว่า บางแปลงอยู่ตรงข้ามพระราชวังสวนจิตรลดา ซึ่งมีจำนวน 3ไร่กว่า และอีกแปลงเป็นที่ดินติดกับพระราชวังไกลกังวลโดยติดกับฝั่งทะเล
ล่าสุดวันนี้ 29 ธันวาคม 2563 ม.ล. ชัยนิมิตร นวรัตน บุตรชาย นายเรืออากาศโท หม่อมราชวงศ์นิมิตรมงคล นวรัตน อดีตนายเรืออากาศที่ต้องโทษในคดีกบฏบวรเดช พ.ศ.2476 โพสต์เฟซบุ๊กในทำนองตั้งคำถาม และคล้ายตั้งข้อสังเกตุถึงความผิดปกติในการออกมาให้ข้อมูลของฝั่งทายาทคณะราษฎร
โดยข้อความที่ทายาทกบฏบวรเดช นำมาโพสต์ไว้ในระบุว่า มาคุ้ยประวัติศาสตร์บางตอนจากเรื่องเล่าเมื่อวานกันว่า พล.ท.สรภฎ นิรันดร บุตรชาย “ขุนนิรันดรชัย” กล่าวว่า บิดาของตนขณะเมื่อรับราชการมียศเป็นพันตรี ได้ลาออกเนื่องจากคณะราษฎรได้แต่งตั้งให้เป็นแม่กองก่อสร้างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และอาคารสองฟากถนนราชดำเนิน ผลจากการทำงานนี้ก็ได้สร้างตึกที่อยู่อาศัยของตนเองเป็นตึก 4 ชั้น อยู่ตรงข้ามวังสวนจิตรลดา ปัจจุบันตระกูลนิรันดรได้ให้โรงเรียนเซนต์แอนดรูว์เช่า
พล.ท.สรภฎ ไม่ได้บอกว่า เงินที่ได้มาสร้างตึกใหญ่โตดังกล่าวมาจากเงินเดือนของผู้คุมงาน ดังนั้น จึงอนุมานได้ว่ามาจากช่องทางอื่น แต่จะเป็นช่องทางใดผมคงไม่ต้องพูดโต้งๆ ทุกคนคงจะเดากันได้ไม่ยาก
แต่ที่ดินที่อยู่ตรงข้ามวังสวนจิตรนี่สิ ขุนนิรันดรชัยได้มาอย่างไร ทั้งๆที่ที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นของพระคลังข้างที่ทั้งนั้น
พล.ท.สรภฎกล่าวว่า บิดาของตนได้เป็นคณะกรรมการตรวจสอบสมบัติของพระคลังข้างที่และทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่ปี ๒๔๗๕-๒๔๙๑ ในขณะที่เป็นคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นั้น ผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานีได้อภิปรายในสภาถึงความไม่โปร่งใสของคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ บิดาของตนและพรรคพวกก็จับ ส.ส.คนนั้นโยนน้ำหน้าตึกรัฐสภาเลย
ผมได้เขียนเล่าไปแล้ว ที่นายเลียง ไชยกาล ได้ตั้งกระทู้ถามเรื่อง “สงสัยเจ้าพนักงานของกรมพระคลังข้างที่ทำการไม่งามในหน้าที่” เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๔๘๑ ซึ่งพระยาพหลฯ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตอบกระทู้ดังกล่าวนี้ครบ ๓ ครั้งแล้ว สส. ส่วนใหญ่ยังข้องใจ เลยไปจนนายไต๋ ปาณิกบุตร ผู้แทนราษฎรจังหวัดพระนคร ขอเปิดอภิปรายทั่วไปในนโยบายของรัฐบาล ว่าด้วยการจัดระเบียบพระคลังข้างที่นั้นไปเลย
สาระที่นำมาแฉคือ มีการนำที่ดินของพระคลังข้างที่มาให้สมาชิกคณะราษฎร์เฉพาะบางมุ้ง ซื้อแบบถูกๆแถมยังให้ผ่อนจ่ายสบายๆได้ด้วย มีการออกนามผู้ที่จับจองที่ดินเหล่านั้นอย่างโจ๋งครึ่ม จนพระยาพหลทนอับอายไม่ไหวยอมประกาศลาออก แต่เมื่อตั้งรัฐบาลใหม่แล้ว การเมืองลงตัวชั่วคราว เรื่องนี้ก็เงียบไป ใครที่หน้าบางก็คืนที่ดินที่จองไว้ ที่หน้าหนาก็ดื้อด้านเข้าไว้จนคนลืม
ในการอภิปรายไม่มีเอ่ยถึงชื่อขุนนิรันดรชัย แต่เอ่ยถึง หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ รัฐมนตรี ถูกเชื้อเชิญให้ซื้อที่ดินในโครงการดังกล่าว แต่ท่านไม่เล่นด้วย ถึงคราวหลวงธำรงตอบก็ตอบว่า ที่ดินที่พูดกันนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับท่าน ของท่านมีอยู่บ้างก่อนหน้านี้ตั้งปีครึ่งมาแล้ว
ครั้นบุตรชายของขุนนิรันดรชัยออกมาเปิดเผยในครั้งนี้ว่า บิดาของตนมีที่ดินแปลงใหญ่ ๓ ไร่กว่า อยู่ตรงข้ามวังสวนจิตรลดา ที่สร้างเป็นตึกอยู่อาศัย ๔ ชั้น ผมก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่า หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ ก็มีบ้านอยู่ริมถนนราชวิถี ฝั่งตรงข้ามกับวังสวนจิตรเช่นกัน แต่การซื้อขายที่ดินพระคลังข้างที่ก่อนหน้าล๊อตที่ถูกนำมาอภิปรายในสภา มิได้มีใครขุดขึ้นมาเปิดเผย ยิ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ขุนนิรันดรชัยกับพรรคพวก ยกนายเลียงจากโต๊ะอาหารในสโมสรสภาทั้งเก้าอี้ แห่ไปโยนสระน้ำหน้าพระที่นั่งอัมพรแล้ว เรื่องที่ดินของพระคลังข้างที่ถนนสาทร ๓ ไร่กว่า ถนนวิทยุ ๖ ไร่ ที่ดินติดพระราชวังไกลกังวล ๓ ไร่ครึ่ง ก็หายเข้ากลีบเมฆไปในครั้งนั้น แล้วกรรมก็นำมาโผล่เอาในสมัยนี้ เมื่อบุตรภรรยาน้อยฟ้องบุตรภรรยาหลวง แย่งชิงมรดกของขุนนิรันดรชัยกันฉาวโฉ่
“ต่อมาคุณพ่อก็ได้ร่วมกับหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ คณะราษฎรสายทหารเรือ ได้ก่อตั้งธนาคารนครหลวงไทยขึ้น และต่อมาคุณพ่อก็ได้เป็นประธาน” ธนาคารนครหลวงฯเปิดกิจการในปี ๒๔๘๔ ไม่กี่ปีหลังจากเกิดเรื่องในสภา คำกล่าวท่อนนี้ของ พล.ท.สรภฎทำให้เห็นความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นและสถานะทางการเงินระดับเจ้าสัว ระหว่างรัฐมนตรีและผู้จัดการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์สมัยคณะราษฎรเป็นรัฐบาล
ความต่อไปนี้ก็น่าสนใจอย่างยิ่ง พล.ท.สรภฏเล่าว่า ขุนนิรันดรชัย มีความสัมพันธ์ได้รับความไว้วางใจจากจอมพล ป.มากที่สุด จอมพลป. นั้นทำธุรกิจไม่เป็น จึงอาศัยขุนนิรันดรชัยเป็น “ท่อน้ำเลี้ยง” ให้ และเป็นตัวเชื่อมต่อกับนักธุรกิจในการนำเงินไปให้จอมพล ป. การรัฐประหารของพลโทผิน ชุณหะวัน นั้นผู้ที่อยู่เบื้องหลัง คือจอมพลป. โดยอาศัยท่อน้ำเลี้ยงจากขุนนิรันดรชัย
การรัฐประหารของพลโทผิน ชุณหะวัณ ในปี ๒๔๙๐ นั้น หัวหน้ารัฐบาลผู้ถูกโค่นล้มก็คือ พลเรือตรี ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ หรือชื่อเดิมคือ หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
นี่แหละครับ อีกหนึ่งตัวอย่างของมิตรภาพระหว่างนักการเมือง คณะราษฎรที่ถือผลประโยชน์ของตนเองเป็นสรณะ มิได้มีอุดมกงอุดมการณ์อะไรทั้งนั้น แล้วยังเป็นต้นแบบเลวๆให้นักการเมืองยุคประชาธิปไตยบางกลุ่มบางพรรค เอาเยี่ยงอย่างมาจนบัดนี้
ประเทศไทยจึงเจริญจริงๆไม่ได้สักที อ่านจบแล้วอย่าลืมเปิดไปดูภาพประกอบนะครับ