จากกรณีที่ นายอนุทิน รมว.สาธารณสุข พร้อมผู้บริหาร สธ. เข้าพบ นายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร โดยจะใช้โรงพยาบาลสนาม รับมือสถานการณ์
โดย สธ.รายงานว่าจะนำโมเดลของประเทศสิงคโปร์ ที่แก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวมาปรับใช้กับไทย โดยจะขีดวงผู้ติดเชื้อเป็นไข่แดงในพื้นที่ตลาดกลางกุ้ง และหอพักของแรงงาน และจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ใกล้กับตลาดกลางกุ้ง จำนวน 100 เตียง
ทั้งนี้ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ มีผู้ป่วยรายใดมีอาการหนักจะนำตัวมาดูแลรักษาในโรงพยาบาลสนาม เพื่อไม่ให้แรงงานออกนอกพื้นที่ มีเพียงเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่แต่งชุดป้องกันที่จะเข้าไปภายในได้เท่านั้น และจากการสอบสวนโรคพบว่ามีลูกค้าประจำของตลาดกลางกุ้งที่ต้องติดตามตัวอีก 1,000 คน บางส่วนพบตัวแล้ว ขอให้ลูกค้าประจำแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้านด้วย ขณะเดียวกันในพื้นที่จะมีการเข้มงวดการตรวจคัดกรองคนขับรถ รถขนส่งอาหารที่เข้าออก จ.สมุทรสาคร
ต่อมา นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ลงพื้นที่ ติดตามความคืบหน้าสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ COVID-19 และการตั้งโรงพยาบาลสนามในบริเวณตลาดกลางกุ้ง จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นบริเวณที่มีผู้ติดเชื้อค่อนข้างมากลักษณะเป็น Cohort ward ให้การดูแลรักษาผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ หรืออาการน้อย และให้การรักษาเบื้องต้นโรคทั่วไป วางแผนครอบครัว ฉีดยาคุมกำเนิด และสุขภาพจิต ตามหลักมนุษยธรรม ไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล มีทีมแพทย์และพยาบาลประจำ หากมีอาการรุนแรงจะส่งต่อไปรักษาในโรงพยาบาล ให้การรักษาผู้ป่วยแล้ว 75 คน
สำหรับการวางระบบโรงพยาบาลสนาม มีสถาบันบําราศนราดูร กรมควบคุมโรค กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เข้ามาจัดการระบบวิศวกรรม ระบบกรองอากาศ และการกำจัดสิ่งปฏิกูล ตามมาตรฐานโรงพยาบาลสนาม แบ่งโซนบริการเป็น 3 โซน ได้แก่ โซนสีแดงคือบริเวณหอพัก โซนสีส้ม คือจุดรอรักษาและคัดกรอง และโซนสีเขียวคือจุดพยาบาลปฏิบัติการ
ล่าสุด บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติวิทยาเขตสมุทรสาคร มีชาวบ้านกว่า 100 คนจาก 3 ตำบล ได้แก่ ต.บางหญ้าแพรก ต.โกรกกาก และ ต.วัดตึก ได้มีการบอกต่อกันชนิดปากต่อปาก ให้มารวมตัวกันที่หน้ามหาวิทยาลัยฯ ชาวบ้านต่างมารวมตัวกันอย่างรวดเร็วหลังจากเห็นมีรถทหารหลายคันมาจอดด้านหน้ามหาวิทยาลัยฯเพื่อสร้างโรงพยาบาลสนาม ชาวบ้านต่างไม่เห็นด้วย ไม่พอใจอย่างมากและพากันยืนขวางไม่ให้รถทหารเข้าไปภายในเพื่อสร้างโรงพยาบาลสนามได้
ทุกคนต่างเอะอะโวยวายเดือดจัดไม่ยอมท่าเดียว แม้จะมีการพยายามเจรจายื่นข้อเสนอ แต่ยังไงชาวบ้านก็บอกไม่มีวันยอมอย่างเด็ดขาดแน่นอน เพราะทางการไม่มาเจรจากันก่อนไม่มาสอบถามกันก่อนเลย ชาวบ้านอ้างว่าไม่มั่นใจในความปลอดภัยแถมชุมชนทั้ง 3 ตำบลเหล่านี้มีประชาชนนับหมื่นคน เด็กเล็กอีกจำนวนมากกลัวว่าจะติดโควิด-19 ชาวบ้านต่างเสนอให้ไปสร้างโรงพยาบาลสนามที่ท่าเรือประมง เรือที่ปลดระวางแล้วในทะเล จะไม่ส่งผลกระทบกับใครไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ยิ่งเวลาผ่านไปนานยิ่งทำให้ชาวบ้านออกมารวมตัวกันมากขึ้น จนเจ้าหน้าที่ทหารต้องถอยกลับออกไปจากพื้นที่โดยเร็ว
แม้ว่าทางเจ้าหน้าที่จะถอยออกไปแล้วแต่ชาวบ้านต่างก็ยังไม่ไว้ใจยังคงเฝ้าจับกลุ่มอยู่หน้ามหาวิทยาลัยฯป้องกันไม่ให้ใครขนอุปกรณ์ใดๆเข้าไปได้