หมอวรงค์มาถึงกระทรวง เสนอ 5 ข้อ ป้องกันเด็กเป็นเหยื่ออีแอบหลอกใช้ โดน ม.112

3454

จากกรณีที่กลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตยออกมาวิจารณ์เรื่อง ม.112 โดยทางแกนนำกลุ่มคณะราษฎร ออกมาบอกว่าต้องมีการยกเลิกกฎหมายมาตราดังกล่าว ต่อมาแอดมินเพจเชียร์ลุง ได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.ยานนาวา กล่าวโทษผู้กระทำความผิดมาตรา 112 รวม 17 คน มีเยาวชนอายุ 16 ปี 1 คน ด้วยนั้น

ซึ่งเยาวชนรายนี้ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.ยานนาวา ที่ศาลเยาวชนเเละครอบครัวกลาง ถ.กำเเพงเพชร พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา ซึ่งเยาวชนคนดังกล่าวเป็นผู้ต้องหาความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี ตาม ป.อาญา มาตรา 112 และข้อหาอื่น ๆ จากการร่วมชุมนุมกับกลุ่มราษฎร เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ที่ผ่านมา ที่หน้าวัดพระแม่อุมาเทวี (วัดแขก) สีลม

มายื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาตรวจสอบการจับกุมและมีคำสั่งตามมาตรา 71 พ.ร.บ.จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 ประกอบ ป.อาญา มาตรา 143 (หมายควบคุมตัว)ขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนำกลุ่มไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าวพร้อมแนบภาพ นายธนาธรและคณะก้าวไกลกำลังกล่าวอะไรบางอย่างอยู่ภายในโรงเรียนแห่งหนึ่งหน้าเสาธงต่อนักเรียนในโรงเรียนนั้น โดยข้อความระบุว่า

ไทยภักดีนัดยื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีศึกษา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ออกมาแถลงว่า รู้สึกหนักใจอย่างยิ่งกับการดำเนินการโดยทางการไทยที่ตั้งข้อหาผู้ประท้วงอย่างน้อย 35 คนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงผู้ประท้วงที่เป็นนักเรียนอายุ 16 ปี ภายใต้มาตรา 112

ผมเชื่อว่าคนต่างชาติเหล่านี้คงไม่รู้เรื่องก็ได้ว่า ผู้ชุมนุมมีพฤติกรรมจาบจ้วงอย่างน่ารังเกียจอย่างไรบ้าง จนประชาชนเขาทนไม่ได้ จึงถูกประชาชนแจ้งความดำเนินคดี ผมคิดว่า เขาน่าจะมาเมืองไทย มาสังเกตการณ์การชุมนุม ถ้าสมมติว่าเป็นตนเองโดนแบบนี้บ้าง จะรู้สึกอย่างไร สิ่งที่กลุ่มไทยภักดีอยากเรียกร้อง กระทรวงการต่างประเทศ ต้องชี้ให้เห็นถึงข้อเท็จจริงที่คนเหล่านี้กระทำ ให้UNเข้าใจ โดยเฉพาะการชุมนุมที่ไม่บริสุทธิ์ใจ ที่มีเป้าเพื่อการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์

ล่าสุด วันนี้ (23 ธ.ค.) นพ.วรงค์ โพสต์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอีกว่า นี่คือข้อความหนังสือที่กลุ่มไทยภักดียื่นต่อท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ด้วยปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีกลุ่มการเมืองพยายามเข้ามาแทรกแซงโรงเรียนและสถานศึกษา เพื่อใช้ครูและนักเรียนเป็นเครื่องมือทางการเมืองในการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ผ่านเครือข่ายนักเรียน ตลอดจนเครือข่ายครูและบุคคลากรทางการศึกษา

อาศัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 50 บุคคลมีหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (1) พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ทางกลุมไทยภักดีเห็นว่า โรงเรียนและสถานศึกษาต้องมีความชัดเจน ในการพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งตกเป็นเป้าหมายในการทำลาย จึงขอเสนอมาตรการดังต่อไปนี้

1.กระทรวงศึกษา ต้องมีนโยบายที่ชัดเจนแก่ผู้บริหารทุกระดับ ของโรงเรียนและสถานศึกษา ในการพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ต้องไม่เปิดโอกาสให้กลุ่มการเมือง และเครือข่ายใช้โรงเรียนและสถานศึกษาในการปลุกระดม จาบจ้วงสถาบันหลักของชาติ

2.กระทรวงศึกษาต้องมีนโยบาย ที่ชัดเจนต่อครูและบุคคลากรทางการศึกษา ในการพิทักษ์สถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะครูหรือบุคคลากรทางการศึกษา ที่มีจิตใจเอนเองสนับสนุนผู้ที่ไม่หวังดี เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้ จะเป็นอันตรายต่อความคิดของนักเรียน

3.กระทรวงศึกษาควรมีการปรับปรุงหลักสูตร เพื่อสร้างสำนึก ของความภูมิใจในความเป็นชนชาติไทย

4.กระทรวงศึกษา ควรมีกิจกรรมรณรงค์ สร้างจิตสำนึกต่อนักเรียน ครู ตลอดจนบุคคลากรทางการศึกษา ให้เห็นถึงความสำคัญ และความเข้าใจที่ถูกต้อง ของสถาบันหลักของชาติ

5.ถ้าหากเกิดกิจกรรมทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ในโรงเรียนหรือสถานศึกษาใด ควรต้องให้ผู้บริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษานั้น ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ