จากที่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาล (สน.) ยานนาวา ควบคุมตัวเยาวชนอายุ 16 ปี ผู้ถูกออกหมายเรียกตามประมวลกฎหมาย มาตรา 112 จากการร่วมชุมนุมม็อบแฟชั่นสีลม ไปที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางหลังเข้ารับทราบข้อกล่าวหานั้น
ทั้งนี้เยาวชนวัย 16 ปีรายดังกล่าวถือเป็นผู้ต้องหาคดีหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทฯ ตามมาตรา 112 โดยเขาถูกออกหมายเรียกจากการเข้าร่วมงานเดินแฟชั่นในงาน “ศิลปะราษฎร” เมื่อวันที่ 29 ต.ค.63
ต่อมาวันที่ 18 ธ.ค.63 ดร.มานะ ตรีรยาภิวัฒน์ รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก โดยระบุบางช่วงว่า “ความในใจของพ่อเด็ก 16 ผู้เจอคดีม.112 คงต้องกล่าวอย่างจริงใจว่า…บางสิ่งบางอย่างที่ลูกคิด ลูกทำ ผมอาจจะไม่เห็นด้วย แต่ผมเคารพการตัดสินใจของลูก
ผมไม่รู้ว่าผิดหรือถูกนะครับ แต่ผมสอนลูกให้มีอิสระทางความคิด ให้เขารู้จักการตั้งคำถาม และแสวงหาคำตอบด้วยตนเอง พร้อมกับสอนให้เขารับผิดชอบกับผลของการกระทำนั้นๆด้วย ไม่ว่าจะบวกหรือลบ เรื่องคดีความคงต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ผิดถูกอย่างไรค่อยว่ากันอีกที
แต่ถ้าถามถึงความรู้สึกส่วนตัวของผมเมื่อเห็นลูกวัยแค่นี้ถูกคดีการเมืองรุนแรง แน่นอนครับ ผมคงเหมือนพ่อแม่ทุกคนที่เจ็บปวดไปกับลูก ทั้งรักและห่วงกังวล ในฐานะของคนเป็นพ่อแม่ สิ่งที่กระทำได้ดีที่สุดในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากนี้ คือการจูงมือลูกให้แน่น พร้อมเดินฝ่าความโหดร้ายและอุปสรรคนานับประการไปด้วยกัน”
ล่าสุดวันนี้(19 ธ.ค.63) นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าวด้วยว่า
#พ่อแม่รังแกฉัน #อย่าโทษการเมือง #อย่าโทษเด็ก #โทษตัวคุณเอง วันนี้เรามีภาพของเด็กเยาวชนอายุ 16 ปีถูกดำเนินคดีมาตรา 112 กำลังจะติดคุก
วันนี้เราเห็นภาพพ่อแม่เสียใจมากและยังคงเคารพสิทธิเสรีภาพของลูกน้อยในการแสดงออก เคารพสิทธิเสรีภาพของลูกรักในการจาบจ้วง ใส่ร้าย หยาบคาย หมิ่น ละเมิดสิทธิ์ในหลวง เราเห็นภาพพ่อแม่กำลังพร่ำเพ้อ… ว่าทราบและยอมรับผลที่จะเกิดขึ้นกับลูก
เมื่อพ่อแม่รู้ ว่าลูกกำลังจะติดคุกก็….โทษ….การเมือง แต่ไม่คิดโทษตัวเอง และหวังว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกรักของตน จะไม่เกิดขึ้นกับครอบครัวอื่นอีก นั้น
เป็นเรื่องราวของพ่อแม่รังแกฉัน คือความผิดพลาดของพ่อแม่ครั้งใหญ่ที่ทำลายอนาคตของลูก ด้วยความรัก ที่รักลูกดุจดวงใจ ลูกอยากได้อะไรจะหามา ลูกทำอะไรจะสนับสนุน ถึงเป็นเรื่องชั่ว เป็นเรื่องของลูกชายคนเก่ง ได้ขึ้นเวที ไปด่าคนโน้นคนนี้ ก็ไม่เคยห้ามปราม จนสุดท้ายเวรกรรม ตกไปอยู่ที่ลูก
พฤติกรรมตามใจลูกน้อยวันนี้ยิ่งกว่าละครเพลิงบุญ ที่ใจเริงถูกพ่อแม่ตามใจทุกสิ่งทุกอย่าง จนสุดท้ายต้องกลายเป็นคนไร้อนาคต จึงฝากเรื่องราวของพ่อแม่รังแกฉันให้เป็นอุทาหรณ์กับสังคม บาปที่พ่อแม่สร้างกรรมให้กับลูกโดยไม่รู้ตัว ซ้ำโดนคนประนาม กลายเป็นเด็กไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เป็นความต่ำทรามของลูกน้อย ไม่ห้าม ไม่สอน จนกลายเป็นกรรม ต้องติดคุก จึงวอนสังคมให้โอกาสเด็กสารเลว เพราะเด็กคือผ้าขาว ผิดชอบชั่วดีอยู่ที่พ่อแม่จะช่วยกันดูแล
ที่มา : เฟซบุ๊ก ปารีณา ไกรคุปต์
