มหาอำนาจใช้ข้ออ้าง “สิทธิมนุษยชน”บีบผู้ไม่ยอมสยบ? อาศัยUN โดยโฆษกข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน แถลงบีบไทยกดดันยกเลิกกม.112 ปกป้องพระมหากษัตริย์ ประสานเสียงหนุนการเคลื่อนไหวล่มชาติ ทำลายอัตลักษณ์ไทย นี่คือการละเมิดอธิปไตยไทยใช่หรือไม่? จะบอกว่าได้รับแต่ข้อมูลด้านเดียวที่บิดเบือน หรือความจริงจงใจข่มขู่บีบบังคับตามอำเภอใจ? เพราะไม่รู้จะบีบบังคับกดดันไทยเรื่องไหน “ดีไปเสียหมด” เลยต้องใช้นิติสงครามข้ามชาติกันแบบด้านๆ ไม่ละอายใจแบบนี้ เปิดหน้ามาให้หมด คนไทยจะได้รู้เช่นเห็นชาติ มหาอำนาจตะวันตกที่ไม่เคยเปลี่ยนนิสัย “ล่าอาณานิคม” แค่เปลี่ยนรูปแบบ เปลี่ยนอาวุธที่ใช้ รัฐบาลอย่าเฉื่อย หน้าที่ใครโปรดทำหน้าที่ อย่าให้ประชาชนต้องลุยเอง
ใครมีสิทธิเรียกร้องให้เปลี่ยนกฎหมายประเทศอื่นตามอำเภอใจ การเรียกร้องเปลี่ยนกม.112 ให้เป็นไปตามมาตรา 19 ของยูเอ็นอ้างให้แสดงสิทธิเสรีอย่างไม่มีเงื่อนไข มันเป็นเรื่องปกติที่ประเทศอารยะเขาทำกันหรือ? นี่คือกฎหมายไทยที่ใช้กับคนไทย คนที่เคารพกฏหมายไม่มีปัญหา คนที่มีปัญหาคือคนที่ทำผิดกฏหมาย
“เสรีภาพที่ไม่มีขอบเขต ประชาธิปไตยที่ไม่เคารพสิทธิผู้อื่นคือ “อนาธิปไตย”ใครก็ตามทำผิดกม.ต้องรับโทษ” ประเทศไทยมีบทลงโทษผู้ทำความผิดตามลำดับความผิดอยู่แล้ว
การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนักเคลื่อนไหวของม็อบฯอายุ 16 ปี ส่งศาลเยาวชนและครอบครัว และขอให้ศาลมีคำสั่งควบคุมตัว แต่ศาลปฏิเสธคำร้องและอนุญาตให้ประกันตัวโดยมีเงื่อนไข ก็เป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนหลักยุติธรรมสากล ตามกฎหมาย แม้ว่าประกันตัวแล้วก็กลับมาทำผิดเงื่อนไขอีก ศาลไทยก็พิจารณาอย่างมีเมตตาธรรมเสมอ
ใช้UN ประทับตรารับรองม็อบล่มชาติ?
เมื่อวันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม2563 สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติออกแถลงการณ์ที่นครเจนีวา แสดงความกังวลที่เจ้าหน้าที่ทางการไทยใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพดำเนินคดีกับนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยหลายคน ซึ่งรวมถึงเยาวชนอายุ 16 ปี
“เรารู้สึกหนักใจอย่างยิ่งกับการดำเนินการโดยทางการไทย ที่ตั้งข้อหาผู้ประท้วงอย่างน้อย 35 คนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงผู้ประท้วงที่เป็นนักเรียนอายุ 16 ปี ภายใต้มาตรา 112 ที่เป็นบทบัญญัติว่าด้วยการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามประมวลกฎหมายอาญาของไทย” คำแถลงของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งยูเอ็นกล่าว
ราวีนา ชัมดาซานี โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งยูเอ็น กล่าวว่า ความผิดฐานหมิ่นประมาท, ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อราชวงศ์มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 15 ปี “เราตกใจอย่างยิ่งที่ผู้ประท้วงอายุ 16 ปีถูกตำรวจนำตัวส่งศาลเยาวชนเมื่อวานนี้เพื่อขอคำสั่งฝากขัง” โฆษกหญิงผู้นี้กล่าว อย่างไรก็ดี ศาลปฏิเสธและอนุญาตให้ประกันตัว
ชัมดาซานีให้ข้อสังเกตด้วยว่า คณะกรรมาธิการสิทธิเคยร้องขอทางไทยหลายครั้งให้ตรากฎหมายโดยสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศ แต่น่าผิดหวังอย่างยิ่งที่หลังจากผ่านมา 2 ปีโดยไม่มีคดีใดๆ จู่ๆ เราก็ได้พบเห็นคดีจำนวนมาก และน่าตกใจที่ตอนนี้ยังมีการดำเนินคดีกับผู้เยาว์ด้วย
เธอกล่าวอีกว่า คณะกรรมาธิการสิทธิของยูเอ็นยังมีความห่วงกังวลเรื่องการฟ้องร้องดำเนินคดีอาญาร้ายแรงอื่นๆ กับผู้ประท้วงที่เข้าร่วมการประท้วงอย่างสันติในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
“เราเรียกร้องรัฐบาลไทยหยุดการใช้ข้อหาคดีอาญาร้ายแรงเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับบุคคลที่ใช้สิทธิเสรีภาพของพวกเขาในการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมอย่างสงบ เรายังเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และทำให้กฎหมายนี้สอดคล้องกับสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น”
ก่อนหน้านี้ผู้ประท้วงชูสามนิ้วชุมนุมหน้าสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2563
ข้อเรียกร้องนี้สะท้อนอะไร-รับข้อมูลด้านเดียว หรือจงใจข่มขู่บังคับ?
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ ไม่รู้จริงหรือว่า เยาวชน หรือคนที่เสแสร้งเป็นเยาวชนทั้งอายุเกินเยาวชนแล้ว ทำความผิดอะไรบ้าง ทั้งคำพูด กริยา เนื้อหาในการชุมนุมประท้วง
- เป็นคนไทยไม่ว่าใครทำผิดกฏหมาย ควรต้องรับบทลงโทษตามกฎหมายใช่หรือไม่ ทั้งกฎหมายคดีอาญา-ทำร้ายร่างกาย, ทำลายทรัพย์สินสาธารณะ เป็นต้น หรือการละเมิดกฎหมายมาตรา 112 กระทำการล่วงละเมิดด้วยวาจา เผยแพร่ความเท็จ จงใจใส่ร้ายป้ายสี อาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นประมุขของประเทศไทย แบบที่คนถ้าทำต่อคนธรรมดายังต้องรับโทษอาญาทั้งจำและปรับ
- ตัวอย่างบทลงโทษของนานาชาติเรื่องโทษต่อประมุขก็มีเช่นกัน แตกต่างตามวัฒนธรรมประเพณีของแต่ละประเทศ
เช่นที่สหรัฐอเมริกา ศาลแขวงสหรัฐสั่งจำคุก นายเจอรอด ฮันเตอร์ ชมิดท์ วัย 39 ปี เป็นเวลา 37 เดือนในข้อหาขู่ฆ่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เขาขู่ว่าจะ”ฆ่าประธานาธิบดีทรัมป์ และฝังกระสุนในหัวของเขา” ระหว่างวันที่10-11 เม.ย. 2561 นอกจากนี้ นายชมิดท์ยังได้ขู่ฆ่าเสมียนคนหนึ่งในศาลอุทธรณ์ของรัฐเนบราสกา และนักการเมืองท้องถิ่นอีกหลายคน
ในอดีต หนุ่มอเมริกันเขียนบทกวีข่มขู่ อดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา ก็ทำให้เขาต้องโทษจำคุกเป็นเวลา 33 เดือน และอีกหนึ่งคดีที่เด็กวัยรุ่นชาวอังกฤษส่งอีเมล์ไปยังทำเนียบขาวตอนเมา และเรียกประธานาธิบดีฯเป็นอวัยวะเพศชาย ถูกห้ามเดินทางเข้าสหรัฐฯ ตลอดชีวิต
ในประเทศตะวันตก หลายประเทศก็ยังคงมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และยังคงมีกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือ Lèse majesté เช่นเนเธอร์แลนด์ หากผู้ใดผู้หนึ่งดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และพระบรมวงศ์นุวงศ์ จะต้องโทษจำคุก 5 ปี พร้อมปรับ โดยในระหว่างปี 2000 – 2012 มีผู้ถูกดำเนินคดีถึง 18 ราย ถูกลงโทษ 9 ราย รายล่าสุด คือ ชายวัย 44 ปี ที่ดูหมิ่นสมเด็จพระราชาธิบดีวิลเลิม-อเล็กซานเดอร์ด้วยวาจาอย่างร้ายแรง ถูกลงโทษจำคุก 30 วัน เหล่านี้เป็นต้น