เปิดเรตติ้ง สุดใจหาย “เนชั่นทีวี” หลังโยนทิ้งอุดมการณ์ ต่ำเตี้ยที่สุดในประวัติการณ์

29529

ฝันอยากไปดาวดึงส์ แต่ดำดิ่งสู่ยมโลก!! เปิดเรตติ้ง สุดใจหาย “เนชั่นทีวี” หลังโยนทิ้งอุดมการณ์ ต่ำเตี้ยที่สุดในประวัติการณ์!!

ถือว่าเป็นหนึ่งในกรณีศึกษาได้อย่างดี เมื่อทางด้านของ “เนชั่นทีวี” ที่ยึดถือในอุดมการณ์ปกป้องชาติ ศาสนา และสถาบันฯอย่างสุดชีวิต และถือได้ว่าเป็นหนึ่งในช่องรายการโทรทัศน์ เพียงช่องเดียวในประเทศไทย ที่มีความชัดเจน ในเรื่องอุดมการณ์ปกป้องชาติ ทำให้ “เนชั่นทีวี” ในยุคของ ผู้นำทัพ “นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม” และ “นายฉัตรชัย ภู่โคกหวาย” เป็นยุคทองของ “เนชั่นทีวี” และชัดเจนในเป้าหมาย

จากที่ก่อนนี้ บมจ.เนชั่น  มัลติมีเดีย มีมติแต่งตั้ง  “สนธิญาณ  ชื่นฤทัยในธรรม” ให้ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการ บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย โดยมีผลตั้งแต่วันที่  17  ม.ค. 2561 เป็นต้นมา

ในขณะที่ธุรกิจสื่อกำลังถดถอยและ”เครือเนชั่น” เองกำลังวิกฤติหนักจนผู้บริหารเดิมต้องกระโดดเรือหนีองค์กรที่สร้างมากับมือไป โดยทิ้งหนี้ก้อนใหญ่ไว้ให้เป็นภาระ ตามข้อมูลปรากฎเป็นข่าวอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา

ต่อมาเว็บไซต์ ผู้จัดการ ได้นำเสนอบทความข่าวเชิงเปรียบเทียบ จากกระแสข่าวเรื่องอดีตผู้บริหารเนชั่น อย่าง นายสุทธิชัย หยุ่น มีแผนจะเข้าบริหารทีมข่าวทีวีดิจิทัลช่องหนึ่ง และมีบางช่วงตอนวิพากษ์วิจารณ์ พาดพิงไปถึงผลการทำงานผู้บริหาร บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป หรือ NMG ในลักษณะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ว่า เครือเนชั่นปัจจุบันไม่ได้รุ่งเรืองเหมือนก่อน ??

ทำให้นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เนชั่นบอร์ดแคสติ่ง คอเปอร์เรชั่น ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสื่อเครือเนชั่น เกี่ยวกับการเผยแพร่บทความดังกล่าวของเว็บไซต์ผู้จัดการ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องร่วมกัน

“ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าเป็นเรื่องน่าเสียดาย ที่สื่อผู้จัดการไม่โทรมาคุย แล้วไปวิเคราะห์ ในลักษณะนั่งเทียน เขียนให้เกิดความเสียหายกับคนอื่นด้วยข้อมูลผิดๆ เพราะความเป็นจริงภายหลังจากที่ผู้บริหารชุดเดิมออกไป

แล้วผมกับผู้บริหารชุดใหม่ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามากอบกู้สถานการณ์ของเนชั่น เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2561 สื่อทีวีเนชั่น (NBC) ก็เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ สถิติรายงานผลความนิยม หรือ เรตติ้ง ของ เนชั่น ทีวี จากเดิมค่าเฉลี่ยคนดูต่อนาที เคยอยู่ที่ 61,000 คนดู ต่อนาที

เพียงไม่กี่เดือนเราทำให้ค่าเรตติ้งขยับเพิ่มกว่า 100% โดยช่วงระหว่าง เดือน พ.ค. ธ.ค. 2561 เนชั่น ทีวี มีค่าเฉลี่ยคนดูต่อนาที ขยับไปอยู่ที่ 110,000 คนต่อนาที และล่าสุดเรทติ้งของ เนชั่น ทีวี ขึ้นไปติดท็อปเทนของการวัดค่านิยมแล้ว

โดยมีค่าเฉลี่ยคนดูต่อนาทีที่ 180,00 คนต่อนาที ดูจากตารางที่เป็นข้อมูลประกอบได้เลยว่า วันนี้ เนชั่น ทีวี ดีขึ้นทุกอย่างทั้ง เรตติ้ง และผลประกอบการแค่ไหน อย่างไร

ถ้ายังจำกันได้ ผมเคยท้าผ่านสื่อ ถามไปถึงผู้บริหารชุดเก่าเมื่อราวๆ กลางปี 2561 ให้ช่วยตอบหน่อยเถอะ ว่า บริหารกันอย่างไรทำให้เนชั่นกรุ๊ป ขาดทุน 3,500 ล้านบาท ในช่วงระยะเวลาเพียงแค่ 2 ปี คือ ในปี 2559 มียอดขาดทุน 1,102 ล้านบาท และ 9 เดือนแรกของปี 2560 ขาดทุนอีกกว่า 2,300 ล้านบาท ไม่เพียงเท่านั้นยังมีหนี้ระยะสั้นอีก 1,580 ล้านบาท ที่ต้องชำระภายในระยะเวลา 9 เดือน แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครตอบ

ถึงแม้มันจะไม่ได้ดีในระดับให้เนชั่นหมดปัญหาที่หมักหมมกันมาในอดีต แต่ก็ต้องเรียกว่าเป็นแนวโน้มที่ดี และผมมั่นใจว่าจะดีขึ้นต่อเนื่อง ยกตัวอย่างผลประกอบการ ของเนชั่น ทีวี (NBC) ในปี 2560 ภายใต้ผู้บริหารชุดเดิม มีผลประกอบการขาดทุนถึง 916.24 ล้านบาท แต่พอเราเข้ามาบริหารจัดการ ปรากฏว่าผลประกอบการทั้งปี 2561 ตัวเลขขาดทุน ลดลงเหลือเพียง 98.75 ล้านบาท

จุดนี้ต้องขยายเพิ่มเติมนะครับ ว่า 98.75 ล้านนี้ ไม่ใช่เป็นตัวเลขขาดทุนทั้งหมด ที่เกิดขึ้นในช่วงที่เราเข้าไปดูแล เนชั่น ทีวี เพราะช่วงที่เริ่มต้นสะสางวิกฤตของ เนชั่น ทีวี ที่ผู้บริหารชุดเดิมรับผิดชอบ ไตรมาสแรกของปี 2561 เนชั่น ทีวี มีตัวเลขผลประกอบการติดลบไปแล้วถึง 41.15 ล้านบาท

สิ่งที่เราพยายามอย่างถึงที่สุดในอีก 3 ไตรมาสต่อมา ก็คือเร่งแก้ไขสถานการณ์ เพื่อประคองไม่ให้ตัวเลขผลประกอบการติดลบเพิ่มขึ้นเป็นหลักร้อยล้านเหมือนในอดีต ซึ่งผลที่ออกมาก็เป็นไปตามเป้าหมาย คือ ชะลอผลประกอบการขาดทุนให้ลดลงเป็นลำดับในช่วง 9 เดือนหลังของปี 2561 และเป็นตัวเลขขาดทุนที่ลดลงถึง 89% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560

ขณะที่ประมาณการรายได้นับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป เนชั่น ทีวี จะมีตัวเลขรายได้รวมราว 511 ล้านบาท และทำให้เรากลับมีผลกำไรสุทธิเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ตามข้อมูลที่ปรากฏในตารางประกอบที่สำคัญยอดหนี้ของเครือเนชั่น หรือ NMG จากเดิมเมื่อต้นปี 2562 อยู่ที่ 1,580 ล้านบาท หลังจากเราเข้ามาบริหารจัดการ ล่าสุดยอดหนี้ เมื่อเดือน เม.ย. 2562 ที่ผ่านมา ลดลงเหลือ 920 ล้านบาทแล้ว

และผมคาดว่าจากแผนธุรกิจทั้งหมดที่วางไว้ เราจะสามารถเคลียร์หนี้จบหมดภายในไตรมาส 3 ของปี 2562 นี้เลย” นายสนธิญาณ กล่าว

แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป อุดมการณ์ที่มั่นคงถูกกลืนกินด้วยหลักการทางธุรกิจ เนชั่นเปลี่ยนภาพและทิศทางของตัวเองครั้งใหญ่ ส่งผลให้หัวหอกคนสำคัญไม่ว่าจะเป็นเหล่าผู้บริหาร รวมถึงผู้ประกาศระดับแม่เหล็กของช่อง ที่มีคนจำนวนมากต่างติดตามในคุณภาพของข่าวสารมาโดยตลอด ต้องลาออกและเคลื่อนไหว เดินทางไปช่องอื่น เพราะ ความเห็นที่ไม่ลงรอยกัน

ซึ่งหากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 ทางด้านของ “นายกนก รัตน์วงศ์สกุล” ได้พูดไว้อย่างชัดเจนหลังจากที่เผยถึงการ อำลาช่อง “เนชั่นทีวี” โดยมีรายละเอียดว่า

“ซาบซึ้งใจน้องๆ ทุกคน ผมอยู่ที่นี่มา 24 ปี (คุณปุ้มอยู่มา 27 ปี) ทุกค่ำคืนก่อนกลับบ้าน เราสองคนจะเดินปิดไฟ ปิดทีวี จุดที่ไม่จำเป็น แทบจะทุกชั้น เพราะเราคิดว่าที่นี่คือบ้าน ไม่ใช่ที่ทำงาน

แต่แม้เราจะอยู่นานแค่ไหน เราสองคนก็เป็นเพียงผู้อาศัย ไม่ใช่เจ้าของบ้าน อีกไม่นานก็จะเกษียณแล้ว อยากอยู่ที่นี่จนถึงวันนั้น หวังจะได้ร่ำลา และส่งไม้ต่อให้น้องๆ ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา

เราผ่านเหตุการณ์ ผ่านกลุ่มผู้บริหารเก่าๆ หลายคน บางคนจากไป โดยทิ้งปัญหาไว้ใต้พรม บางปัญหาถึงขั้นฟ้องร้อง! บางคนรับเงินชดเชยไปนับ 10 ล้าน แต่บอกลูกน้องว่าตนเองไม่ได้อะไรเลย

บางคนไปตั้งกลุ่ม ด่าทอบ้านตัวเอง วันทั้งวัน ทุกวัน สุมไฟบ้านเก่า เราจะไม่เป็นเช่นนั้น เราจะไม่ลืมสิ่งดีๆ ที่นี่ เนชั่นให้เรามีวันนี้ ผมไม่ใช่คนร่ำรวย และกำลังจะเป็นคนแก่ จึงเป็นเรื่องลำบากใจ ที่ต้องจากไปหางานใหม่ ในวัย 50 กว่า ที่ไม่มีอะไรมั่นคง มีแต่ความเสี่ยงรออยู่เบื้องหน้า

แต่ทุกเส้นทางข้างหน้า เราเชิดหน้าชูตาได้ ไม่ต้องหลบสายตาใคร ไม่มีใครกล่าวหาเราได้ ในเรื่องผลประโยชน์เบื้องหลัง ถ้าน้องๆ รู้จักพี่ อยากให้เป็นพี่กนกคนเดิม ต้องให้พี่ไป..ผมก้าวออกจากเนชั่น เพราะต้องการเป็น “กนกคนเดิม” แต่ถ้าอยู่ต่อ.. คงไม่ใช่พี่กนก ที่เคยอยู่มา 24 ปี

ขอส่งความรัก กำลังใจให้ทุกๆคน ทำหน้าที่สื่อด้วยความรักชาติ บ้านเมือง และสถาบันฯ เลือกยืนอยู่ข้างความถูกต้อง มีคุณธรรม กราบลาศาลพระพรหม เจ้าที่เจ้าทาง หน้าอาคาร สวัสดีครับ วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2563″

ซึ่งหลังจาก กนก ได้เปิดตัวชัดเจน กลุ่มผู้ประกาศข่าวที่มั่นคงในจุดยืน ก็อได้ตบเท้าพร้อมกัน ลาออกจากองค์กรอุดมการณ์โลเล โดยรวมแล้วมีด้วยกัน 7 ท่าน คือ 1.น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก 2.นายสันติสุข มะโรงศรี 3.นายสถาพร เกื้อสกุล 4.น.ส.อุบลรัตน์ เถาว์น้อย 5.นายวรเทพ สุวัฒนพิมพ์ 6.นายกนก รัตน์วงศ์สกุล และ 7.นายธีระ ธัญไพบูลย์

โดยในช่วงแรกที่ทั้งหมดลาออกมา ได้มีกระแสข่าวลือ จากทั่วสารทิศว่าจะไปอยู่ ช่อง News18 แต่สุดท้ายก็ได้เปิดเผยอย่างเป็นทางการแล้วว่า ทีมงานคุณภาพทั้งหมด ได้ลงหลักปรักฐานที่ TOP TV อย่างแน่นอน

ถือว่าเป็นความใจหาย ของแฟนๆข่าวชาวสีฟ้าที่ถูกหักอกอย่างรุนแรง และเกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทำให้กลุ่มของคนดูเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าจากฟ้าสู่ดินในทันที ประกอบกับเมื่อช่องเนชั่นได้เปิดตัว “นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ” มายืนในตำแหน่งผู้บริหาร เป็นการกลับหัวกลับหางในทิศทาง แบบเรียกได้กลับหลังหันเลยทีเดียว

เนื่องจากว่า นายอดิศักดิ์ ถือว่ามีความชัดเจนอย่างมาก ในการเชียร์กลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร อย่างออกนอกหน้า อีกทั้งยังเคยโพสต์ข้อความค่อนข้างจะจาบจ้วงสถาบันฯ อยู่หลายครั้งผ่านโลกโซเชียล แต่เมื่อมาเข้ารับตำแหน่งบริหารที่เนชั่น ก็ได้ลบข้อความต่างๆเหล่านั้นออก เพื่อชุบตัวเสแสร้งให้ตัวเองเป็นกลาง

ล่าสุดได้มีการเปิดเผยข้อมูล ที่เป็นหนึ่งในการยืนยันว่า “เนชั่นทีวี” กำลังมีปัญหาอย่างรุนแรงเรื่องการพลิกฝ่ามือครั้งสำคัญ นั่นคือการลดฮวบแบบใจหายของเรตติ้งคนดูโดยคิดเป็นต่อนาที ซึ่งโดยเป็นการจัดทำโดย The Nielsen Company ประเทศไทยจำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดเก็บเรตติ้งโทรทัศที่ได้รับความน่าเชื่อถือในระดับทั่วโลกถึงความแม่นยำในข้อมูล

โดยได้เปรียบเทียบของช่วงต้นปี 63 ที่มีค่าเฉลี่ยคนดูอยู่ที่ 250,000 คน/นาที แต่ล่าสุดสรุปค่าเฉลี่ยช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.63 ตกลงมาอย่างน่าใจหาย ลดลงมาเกินกว่าครึ่งนั่นคือ 70,000 คน/นาที ถือว่าเป็นค่าเลขที่เรียกได้สั้นๆว่า “ฉิบแล้ว”