สหรัฐรวบแก๊งขวาจัด 21 คนในรัฐยูทาห์?!? ต้องสงสัยค้ายาเสพติดและอาวุธสงครามทั่วประเทศ

1602

ทางการรัฐยูทาห์ จับกุมผู้ต้องสงสัย 21 ราย กลุ่มแก๊งบูชาลัทธิคนผิวขาวสูงสุด ข้อหาค้ายาเสพติดและอาวุธสงคราม ปัญหาสะสมในสหรัฐที่ยากแก้ไข เพราะกฏหมายในสหรัฐเปิดโอกาสให้คนอเมริกันซื้อขายพกพาอาวุธอย่างเสรี การซื้อขายยาเสพติดใช้ช่องทางโซเชียลมีเดีย-จับได้ปิดไป ก็เปิดใหม่ เป็นปัญหายืดเยื้อที่เกี่ยวกับสงครามยาเสพติดในเม็กซิโกด้วย  เหตุการณ์ครั้งนี้โยงให้ปธน.ทรัมป์ได้รับผลกระทบโดยตรง เพราะกลุ่มบูชาลัทธิคนขาวประกาศเป็นผู้สนับสนุนทรัมป์อย่างเปิดเผย

สมาชิกแก๊ง 21 คนของกลุ่มบูชาลัทธิคนขาวสูงสุด(White Supremacist)ในมลรัฐยูทาห์ ถูกควบคุมตัวในข้อหาเผยแพร่ค้ายาเสพติดและอาวุธสงครามในพื้นที่ทั่วประเทศสหรัฐ ฝ่ายความมั่นคงสหรัฐแถลงในวันศุกร์ที่ 16 ต.ค.2563 ที่ผ่านมา

จอห์น ดับเบิลยู ฮูเบอร์อัยการแห่งรัฐยูทาห์แถลงผลการจับกุมผู้ต้องสงสัย 21 คน ในคดีฟ้องรองจำนวน 15 คดีเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดและค้าอาวุธข้ามชาติ มีรายละเอียดเกี่ยวกับการขายสิ่งเสพติดผิดกฎหมายและอาวุธในเมืองซอลท์ซิตี และออกเดน

ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมสังกัดกลุ่มที่มีชื่อว่า ทหารแห่งอารยัน (the Soldiers of Aryan Culture), พลังเงียบนักรบแห่งอารยัน(Silent Aryan Warriors), กลุ่มอันธพาลมีคุณธรรม (Noble Elect Thugs) ซึ่งอัยการฮูเบอร์กล่าวว่าเป็นปัญหาหนักของมลรัฐยูทาห์  คดีนี้ทางการตามสืบสวนมาตั้งแต่ปี 2019 ระหว่างจับกุมยึดอาวุธสงครามได้ 15 ชิ้น

สงครามยาเสพติดในเม็กซิโกยังดำเนินอยู่ การสู้รบระหว่างรัฐบาลเม็กซิโกกับเม็กซิโกจำนวนมาก รุนแรงมาตลอดและ สงบอึมครึมเป็นพักๆดำเนินมาอย่างน้อย 2 ทศวรรษ แต่แน่นอนเมื่อมีชายแดนติดกันระหว่างเม็กซิโกและสหรัฐ  การถ่ายเทสินค้าผิดกฎหมายทุกชนิดก็หลั่งไหลมาพร้อมกับ คลื่นมนุษย์การอพยพของชาวบ้านที่ต้องการชีวิตใหม่ที่เชื่อว่า สหรัฐเป็นประเทศที่เปิดโอกาสทางเศรษฐกิจให้ดีกว่าอยู่อย่างหวาดกลัวอิทธิพลมืดของอาชญากร ที่มีอำนาจเท่าเทียมหรือบางช่วงเวลามากกว่ารัฐบาลเสียอีก ปัญหายืดเยื้อนี้ส่งผลกระทบต่อสังคมอเมริกันและเศรษฐกิจมาโดยตลอด และรัฐบาลของทั้งสองพรรคใหญ่ยังไม่มีใครแก้ปัญหานี้สำเร็จ และไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ในนโยบายหาเสียงอย่างน่าแปลกใจ

ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอทางแก้โดยการสร้างกำแพงกั้น ที่หลายฝ่ายหัวเราะเยาะนานาชาติล้อเลียน แต่ถูกใจคนชนบทสหรัฐ แม้ว่าความจริงทรัมป์ก็รู้แก่ใจว่า อาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งยาเสพติด ค้ามนุษย์ค้าอาวุธปืน ปัจจุบันทำผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ ผ่านโซเชียลมีเดียอย่างแนบเนียน ปิดและปราบกันไม่หวาดไหว น่าแปลกว่าทั้งสมัยที่เดโมแครตครองเมือง รีพับลิกันครองเมือง ปัญหาเหล่านี้ยังคงอยู่อย่างมั่นคงยาวนาน  มีบ้างที่ซาไปแต่ไม่ใช่หมดไปแบบเบ็ดเสร็จ วันนี้จับแก๊งนี้ ก็ยังมีอีกนับไม่ถ้วนแก๊งดำเนินอาชญากรรมอยู่

กฎหมายอนุญาตซื้อ-ขายและพกพาอาวุธของสหรัฐ ก็เป็นอุปสรรคหนึ่งในการปราบปรามอาชญากรรมเกี่ยวเนื่องพวกนี้ มีความพยายามเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญทีเกี่ยวข้องกับอาวุธปืน หลายสมัย ถูกกระแสต้านจากคนอเมริกัน และกล่าวกันว่าได้รับการสนับสนุนจากขาใหญ่ค้าอาวุธในสหรัฐเองก็น่าเป็นไปได้ เพราะจนบัดนี้ ยังไม่มีนักการเมืองคนไหนกล้าเสนอ แก้ไขกฎหมายมาตรานี้เลย แม้จะมีเหตุการณ์กราดยิงถี่ขึ้นเพียงใดก็ตาม

ไม่อาจปฏิเสธว่าสิทธิครอบครองปืนเป็นจุดเริ่มต้นของเสรีภาพและความตายของคนอเมริกัน 

-มีการบัญญัติสิทธิในการครอบครองปืนของชาวอเมริกันได้อย่างเสรีนับตั้งแต่ประกาศเอกราชจากอังกฤษ สิทธิและแนวคิดนี้ถูกส่งผ่านมายังสังคมอเมริกันในปัจจุบัน

-จากการเก็บรวบรวมข้อมูลของ Gun Violence Archive พบว่า สหรัฐอเมริกามีจำนวนยอดผู้เสียชีวิตจากอาวุธปืนนับตั้งแต่ปี 1968-2015 มากกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากสงครามทั้งหมดที่สหรัฐฯ เข้าร่วมถึง 9%

-ข้อมูลจาก UNODC (2012) ยังพบว่า สหรัฐฯ มีอัตราการเสียชีวิตของพลเมืองจากอาวุธปืนสูงถึง 29.7% เมื่อเทียบกับอัตราการเสียชีวิตของผู้คนจากอาวุธปืนทั่วโลก โดยมากกว่าแคนาดาถึง 6 เท่า และมากกว่าเยอรมนี หนึ่งในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วด้วยกันถึง 16 เท่า

-สมาคมไรเฟิลแห่งชาติสหรัฐฯ และการครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสของพรรครีพับลิกัน ทำให้การผลักดันให้เกิดการแก้ไขกฎหมายที่จำกัดสิทธิในการครอบครองปืนของพลเมืองสหรัฐฯ เป็นไปด้วยความยากลำบากมากขึ้น นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงแก้ไขอาจนำไปสู่บทสรุปการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อีกด้วย เพราะกลุ่มบริษัทยักษ์ที่ผลิตอาวุธถือหางทั้งสองพรรค และประธานาธิบดีสหรัฐทุกสมัยเป็นเซลล์ให้บริษัทค้าอาวุธอย่างเอาการเอางานเสมอ