สหรัฐใหญ่คับโลก?!!? ทรัมป์ฯกร่างไม่สน UN เดินหน้าฟื้นคว่ำบาตรกดดันอิหร่าน ประกาศใช้มาตรการฝ่ายเดียวเต็มรูปแบบ

2536

ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ แถลงข่าวประจำวัน(19ส.ค.) หักหน้าพันธมิตรใน UN แค่แจ้งให้ทราบว่า ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ จะใช้กลไกที่เรียกว่า “SnapBack” เพื่อรื้อฟื้นมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานอิหร่าน โหมกระพือความไม่ลงรอยกับบรรดาพันธมิตรยุโรป

ซึ่งอาจก่อผลกระทบใหญ่หลวงต่อข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านที่รัสเซียริเริ่ม และสะเทือนเวทีคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่า ไม่มีความหมายอะไรต่อสหรัฐฯแม้แต่น้อย

พอมเพโอ, รมต.กระทรวงการต่างประเทศ  จะเดินทางไปยังนิวยอร์กในวันนี้(20ส.ค.) เพื่อแจ้งให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทราบว่าสหรัฐฯจะใช้กลไกลที่เรียกว่า snapback เพื่อให้สหประชาชาติฟื้นมาตรการคว่ำบาตรที่บังคับใช้ต่ออิหร่าน ก่อนเกิดข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 ในขณะที่อังกฤษ, ฝรั่งเศสและเยอรมนี ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนี้

ปธน.ทรัมป์ กล่าวว่า “มันคือ snapback ไม่ใช่เรื่องผิดปกติใดๆ” แม้มาตรการนี้ไม่เคยถูกใช้มาก่อนก็ตาม

ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากสหรัฐฯพ่ายแพ้ในเวทีคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา  ล้มเหลวในการรวบรวมเสียงสนับสนุนสำหรับมติที่ต้องการขยายมาตรการปิดล้อมทางอาวุธที่กำหนดเป้าหมายเล่นงานอิหร่าน   snapback มีเป้าหมายคือรื้อฟื้นทุกมาตรการคว่ำบาตรนานาชาติที่เคยกำหนดเล่นงานอิหร่านที่ถูกยกเลิกไปแล้ว  ส่วนหนึ่งในข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 ที่อิหร่านทำไว้กับเหล่ามหาอำนาจ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ป้องกันเตหะรานจากการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

ทรัมป์ ถอนสหรัฐฯออกจากข้อตกลงไปก่อนหน้า  ซึ่งมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่าข้อตกลงร่วมว่าด้วยแผนปฏิบัติการครอบคลุม (JCPOA) ในปี 2018  และกลับมาบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯที่กำหนดเล่นงานอิหร่านอีกรอบ

ส่วนหนึ่งในแผนรณรงค์กดดันขั้นสูงสุดต่ออิหร่าน แม้ว่าถอนตัวออกไปแล้ว แต่อเมริกาอ้างว่า ในฐานะส่วนหนึ่งของข้อตกลงดั้งเดิม สหรัฐฯมีอำนาจแต่เพียงฝ่ายเดียวในการรื้อฟื้นมาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติที่กำหนดเล่นงานอิหร่าน  หากว่าอิหร่านล้มเหลวในการปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างมีนัยสำคัญ

ในส่วนของมหาอำนาจยุโรปในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเองไต้แย้งคำกล่าวอ้างทางกฎหมายของสหรัฐฯ  และเกรงว่าการหวนกลับมาคว่ำบาตรอิหร่านอีกรอบ จะทำให้ข้อตกลงนิวเคลียร์พังครืน  มาตรการปิดล้อมทางอาวุธจะหมดอายุลงภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลง JCPOA และแม้บรรดาประเทศยุโรปได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการหมดอายุของมาตรการปิดล้อมทางอาวุธ  แต่ประเด็นหลักที่พวกเขาให้ความสำคัญคือการพิทักษ์ข้อตกลงนิวเคลียร์

ปธน.ทรัมป์ฯกล่าวย้ำในการแถลงข่าวประจำวัน (19 ส.ค.)ว่า “ถ้าผมชนะการเลือกตั้ง ในเดือนแรก อิหร่านจะต้องมาพบและเจรจา เพราะพวกเขาทำสิ่งที่แย่มาก พวกคุณจดไว้เลย  อิหร่านจะต้องไม่มีอาวุธนิวเคลียร์”

https://www.politico.com/news/2020/08/19/iran-sanctions-snapback-mechanism-398779