มติวิปรบ.ไม่แตะหมวด1,2 รธน.หนุนตั้งสสร. ขณะก้าวไกลให้ทำประชามติ

1827

จากที่สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ออกมากล่าวถึงการยื่นญัตติเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น

ทั้งนี้ประธานวิปฝ่ายค้าน เปิดเผยว่า มี ส.ส.ของพรรคก้าวไกลร่วมลงชื่อด้วย 37 คน แต่มาขอถอนชื่อในภายหลัง 5 นาที ก่อนที่จะยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร หลังจากนี้จะเป็นหน้าที่ของทางสภาที่จะตรวจสอบยืนยันว่า ส.ส.ที่ได้ร่วมลงชื่อก่อนหน้านี้ จะขอถอนรายชื่อหรือจะคงรายชื่อไว้ตามเดิม ยืนยันว่าไม่ถือว่าเป็นความขัดแย้งของพรรคฝ่ายค้าน และยังคงทำงานร่วมกันได้ ซึ่งหากจะเห็นแตกต่างกันก็เป็นเพียงแค่บางประเด็นเท่านั้น

ล่าสุดวันนี้(19 ส.ค.63) นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) แถลงภายหลังการประชุมวิปรัฐบาลว่า ที่ประชุมมีมติจะแก้รัฐธรรมนูญปี 2560 โดยไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 และให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)

“ส่วนมาตราอื่นๆ จะแก้ไขหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการหารือ นอกจากนี้วิปรัฐบาลจะได้มีการออกแบบโครงสร้างของส.ส.ร.ด้วยว่าจะเป็นอย่างไร โดยจะดำเนินการให้เร็วที่สุด ซึ่งอาจประกอบไปด้วยตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ และอาจเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาเป็นพี่เลี้ยงให้ด้วย เช่น สถาบันพระปกเกล้า หรือทางสำนักงานกฤษฎีกา เป็นต้น โดยคาดว่าเรื่องนี้จะได้ข้อสรุปเร็วที่สุด ก่อนที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ จะเสนอรายงานโดยเราจะยื่นแบบเอกภาพเป็นหนึ่งเดียว”

อย่างไรก็ตามเมื่อถามว่าทางฝ่ายค้านได้ยื่นเรื่องนี้ไปแล้ว ฝ่ายรัฐบาลก็ควรจะยื่นตามเลยหรือไม่ นายวิรัช กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องยื่นตามฝ่ายค้าน และหากถามว่าฝ่ายรัฐบาลยื่นช้าไปหรือไม่ ก็ต้องขอถามกลับว่าฝ่ายค้านยื่นเร็วไปหรือไม่  เพราะยื่นโดยที่ไม่รอผลการศึกษาจากคณะกมธ.วิสามัญศึกษารัฐธรรมนูญเลย

ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand กรณีพรรคก้าวไกลไม่ร่วมลงชื่อกับพรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้วยว่า ประเด็นที่เราสงวนความเห็นไว้ก็คือในร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่ยื่นกันไปเมื่อวานนี้นั้นไปกำหนดไว้ว่า ส.ส.ร.ห้ามแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 1 และหมวด 2 ซึ่งพรรคก้าวไกลเห็นว่าไม่มีความจำเป็น และไม่สอดคล้องกับสถานการณ์

“ประเด็นแรก การไปล็อกไว้ว่า ส.ส.ร.จะไม่แก้หมวด 1 และหมวด 2 จะไปผลิตซ้ำความเข้าใจผิดว่ารัฐธรรมนูญ หมวด 1 และ 2 แตะต้องแก้ไขไม่ได้ ทั้งที่ความจริงแล้วมีการแก้ไขมาโดยตลอด ไม่ได้เป็นเรื่องต้องห้ามหรือแปลกประหลาด

ต้องการให้ ส.ส.ร.เป็นพื้นที่ปลอดภัยที่ทุกฝ่ายมาหาข้อยุติร่วมกันได้จริง เชื่อว่าใน ส.ส.ร.จะทำให้ทุกฝ่ายได้เรียนรู้ว่าไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถได้ทุกอย่างอย่างที่ตนเองต้องการ แต่จะเป็นพื้นที่ให้สังคมสามารถหาฉันทามติหรือหาจุดสมดุลได้ และสุดท้ายร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ต้องนำไปผ่านประชามติ เสียงส่วนใหญ่ของประเทศจะเป็นผู้ตัดสินว่ายอมรับหรือไม่ ดังนั้น จึงอย่าวิตกกังวลกันมากจนเกินไป” นายชัยธวัช กล่าว