ถ้ามีใครจ้างคุณให้ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 โดยแลกกับรับเช็คเงินสดจำนวน 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ คุณจะโอเคไหม? ที่อเมริกาเรื่องนี้กำลังถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง มีเสียงสนับสนุนไม่น้อย แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าเป็นไปได้ยาก เพราะใช้งบฯเพิ่มจากข้อเสนอเดิมของสองพรรคใหญ่มาก และมีประเด็นการเมืองเข้ามาแทรก ทำให้ไม่สามารถตัดสินใจคลอดงบฯเยียวยาจนถึงปัจจุบัน อีกทั้ง การจ่ายเงินล่าช้า การคัดสรรคนรับเงินมีเงื่อนไขยุ่งยากซับซ้อน
ล่าสุดสหรัฐมีผู้ป่วยสะสม 14,535,196 ราย เสียชีวิต 282,829 ราย สูงสุดในโลก
สถานการณ์ปัจจุบันคือ คนอเมริกันโกรธขี้งเพราะรอเงินเยียวยา ผลกระทบโควิด-19 รอบใหม่มากว่าครึ่งปี ขณะที่รัฐบาลทุ่มงบฯมหาศาลไปจัดทำและผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 อย่างจริงจัง
ปัจจุบันมีอดีตสภาชิกสภาผู้แทนราษฏร,นายจอห์น เดลาเนย์ แห่งพรรคเดโมแครต เสนอให้ปิดจุดอ่อนความไม่พอใจ-ไม่ไว้วางใจวัคซีน โดยเสนอการมอบเช็คเยียวยาผลกระทบการระบาดโควิด-19 ให้ส่วนบุคคล จำนวน 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ แก่ทุกคนที่ฉีดวัคซีนต้านโควิด ตั้งเป้าหมายให้ประชาชนอเมริกันรับฉีดวัคซีน 75% อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลให้ปกป้องชีวิตของประชาชน และ ปกป้องเศรษฐกิจของชาติด้วย
รัฐบาลคาดหวังว่าการมีวัคซีนต้านโควิด-19 และประชาชนส่วนใหญ่ได้รับวัคซีน ทำให้เกิดความปลอดภัยและช่วยให้ความมั่นใจ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมีแรงกระตุ้นมากขึ้น ปัจจุบันนี้ ข้อเสนอโครงการจ่ายเช็คเยียวยาเศรษฐกิจให้กับประชาชนรายบุคคลอาจกำหนดให้ต้องร่วมมือฉีดวัคซีนด้วย เพื่อป้องกันไม่ไปแพร่เชื้อต่อสมาชิกในครอบครัว เพื่อน ญาติ ที่ทำงาน เป็นต้น
แนวความคิดนี้มาจาก จอห์น เดลาเนย์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรสังกัดพรรคเดโมแครต จากมลรัฐแมรีแลนด์ ซึ่งเคยสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีนี้มาก่อนและพลาดตำแหน่งให้โจ ไบเดน “หากประชาชน 75% ได้รับวัคซีนป้องกันเร็วเท่าไหร่, การฟื้นเศรษฐกิจกลับเป็นปกติก็เร็วเท่านั้น”เดลาเนย์ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว ซีเอ็นบีซี
แผนนี้ดีแต่มีอุปสรรค
สภาคองเกรส ได้พิจารณาเรื่องการอนุมัติงบฯ เยียวยา-ฟื้นเศรษฐกิจรอบสองมาเป็นเวลาหลายเดือน ตั้งแต่โดนัลด์ ทรัมป์ยังเป็นประธานาธิบดี และพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นเสียงส่วนมากในสภาสูง ก็รอให้งบฯรอบสองนี้ผ่านสภาผู้แทนราษฎรณ์ที่ พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมาก แต่ไม่เป็นผล ด้วยข้อขัดแย้งทั้งแนวคิด แนวการปฏิบัติของทั้งสองพรรค จนบัดนี้ เมื่อแนวโน้มเป็นพรรคเดโมแครตโดยว่าที่ปธน.โจ ไบเดนจะเป็นผู้นำสหรัฐ คาดว่าสภาผู้แทนฯคงรีบอนุมัติ ส่งมายังวุฒิสภา ก็คาดอีกว่าจะถูกขัดขวางเพราะพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก (ต้องรอการรับรองอย่างเป็นทางการ จึงเห็นดุลอำนาจของสองพรรคใหญ่ในสองสภาฯ)
แม้ปัจจุบ้น มีคนตกงาน 12 ล้านคนและจะไม่ได้รับค่าตอบแทน หรือเงินชดเชยแน่นอนในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า เพราะบริษัทห้างร้านไม่มีงบฯจะจ่ายรอมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาล มาตรการนี้จะคลอดได้ต้องได้รับความเห็นชอบของทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน
เมื่อครั้งปธน.ทรัมป์เสนอให้ แจกเช็คเงินสด 1,200 ดอลลาร์สหรัฐทุกคน และลดเงินประจำสัปดาห์ลงเพื่อกระตุ้นให้คนออกมาทำงานหารายได้ พรรคเดโมแครตค้านเต็มที่ ไม่เห็นด้วยจ่ายเช็คเงินสด แต่ขอให้จ่ายรายสัปดาห์เท่าเดิมคือ สัปดาห์ละ 400 ดอลลาร์สหรัฐเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายปัจจัยพื้นฐาน และยังหาข้อสรุปทั้งวงเงินรวมและรายละเอียดไม่ได้ ถกเถียงกันมาตั้งแต่ก่อนกรกฎาคม 2563 ซึ่งเป็นเส้นตาย เงินเยียวยารอบที่ 1 หมดเวลา และกว่า 6 เดือนแล้วก็ยังไม่ได้ข้อสรุป
ขณะเดียวกัน ศูนย์ควบคุมการระบาด CDC กำลังตัดสินใจว่า คนกลุ่มใดจะได้รับวัคซีนก่อน หลังจากวัคซีนผ่านอย.สหรัฐฯ และจะให้คนอเมริกันฉีดฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย กัลลัพโพลล์สำรวจ มีคนอเมริกัน 58% เท่านั้นที่พร้อมฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 นอกนั้นไม่เชื่อถือ
ข้อเสนอของนายเดลาเนย์น่าจะได้ผล
ผลโพลล์พบว่า การฉีดวัคซีนหรือไม่ได้กลายเป็นประเด็นทางการเมือง ระหว่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีและระหว่างพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันไปแล้ว
“ผมมองว่าเรามอบผลประโยชน์แก่ประชาชนอเมริกัน ไม่น่ามีใครปฏิเสธ” เดลาเนย์กล่าว “ถ้าใครยังกลัว จะไม่รับเงินก็ได้ เป็นสิทธิส่วนบุคคล” “แต่ผมมองว่าทุกฝ่ายได้ประโยชน์ รัฐได้ประโยชน์ ประชาชนได้ประโยชน์ ไม่น่ามีใครปฏิเสธ”
การรับเช็คจะต้องผ่านการยืนยันตัวบุคคลโดยแจ้งหมายเลขประกันสังคม และการจะฉีดวัคซีนป้องกันเพื่อให้เด็กกลับเข้าเรียน เขายกตัวอย่างที่เม็กซิโก รัฐบาลจ่ายเงินผู้ปกครองที่พาลูกมารับวัคซีน ในอินเดีย รัฐบาลแจกอาหารและของใช้ในชีวิตประจำวันให้พ่อแม่ที่นำลูกมาฉีดวัคซีน
เดลาเนย์กล่าวว่า จะทำให้โครงการนี้เดินหน้า รัฐบาลกลางต้องใช้งบประมาณราว 380 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เปรียบเทียบกับเงินเยียวยารอบแรก ซึ่งรัฐบาลจ่ายคนละ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงิน 270 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เรื่องนี้เดโมแครตเสนองบฯ 900 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่รีพับลิกันเสนอ 500 พันล้านดอลลาร์ถ้ารวมงบฯก้อนนี้เข้าไปอีกจะสูงอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เขามองว่าแผนการนี้น่าเป็นไปได้ และให้ประโยชน์สูงสุดแก่ทุกฝ่าย ยิ่งทำให้คนอเมนิกันรับวัคซีนมากเท่าใด ความปลอดภัยจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นเร็วเท่านั้น
ทำไมแผนการนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญบางคนยังตั้งคำถาม
ผู้เชี่ยวชาญบางคนไม่เชื่อว่ามาตรการนี้จะได้ผล
“บิลล์ ฮอกแลนด์” รองประธานอาวุโส บริษัท ไบพาติสันโพลิซีเซ็นเตอร์ฯ ซึ่งเป็นอดีตคณะทำงานวุฒิสมาชิก “มันเป็นปัจจัยหนุน…แต่มันจะเป็นประเด็นถกเถียงเรื่องจำนวนเงินที่จะจ่าย”
“โครงการนี้ดี แต่มันต้องพิจารณาเรื่องการจ่ายเงินล่าช้าด้วย” ฮาววาร์ด เกลคแมน ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสจากศูนย์ เออร์เบิร์นบรู้คกิง แท็กส์โพลิซีกล่าว
ปัจจุบัน CDC แถลงว่าคนสูงอายุควรเป็นกลุ่มแรกที่ฉีดวัคซีน และก็หมายถึงเป็นคนกลุ่มแรกที่รับเช็ค แล้วเยาวชน ผู้ใหญ่มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับเช็คล่าช้ากว่า 6 เดือน มันไม่ทันความต้องการดำรงชีวิตท่ามกลางความลำบากเศรษฐกิจและโควิด-19 ระบาดหนัก หลายครั้งที่เรื่องติดขัดที่กระทรวงการคลัง ในการพิจารณาว่าคนที่รับวัคซีนนี้มีคุณสมบัตเหมาะสมในการรับเช็คเงินเยียวยา
“มันเป็นเรื่องดีที่จะยิงนกสองตัว ด้วยหินก้อนเดียว แต่ในกรณีนี้ผมว่านกทั้งสองตัวต่างบินไปคนละทางมันจึงยากที่จะทำมาตรการนี้ได้จริง” เกลคแมนสรุป