จากการชุมนุมของม็อบคณะราษฏร2563 ซึ่งปรากฏความรุนแรงเกิดขึ้น เมื่อมีเหตุการณ์สลายการชุมนุมและเกิดการปะทะกับกลุ่มเสื้อเหลือง โดยเรื่องราวที่เผยแพร่ทั่วไปมีการยิงกันเกิดขึ้น รวมทั้งระเบิดปิงปอง และการทำลายรถของเจ้าหน้าที่ด้วย
ทั้งนี้เมื่อเวลา 00.10 น. ของวันที่ 18 พ.ย. ที่บริเวณแยกเกียกกาย เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานกลาง ได้เข้าตรวจสอบรถบัสของกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน หมายเลขทะเบียนตราโล่ 13465 ที่จอดอยู่ตรงบริเวณริมถนนทหาร ใกล้กับแยกเกียกกาย เนื่องจากมีร่องรอยของกระสุนเข้าที่บริเวณด้านหน้ารถออกบริเวณด้านท้ายรถฝั่งขวา เพื่อตรวจหาวิถีกระสุน
พร้อมตรวจหาพยานวัตถุในที่เกิดเหตุ รวมทั้งปลอกกระสุนหัวกระสุน แต่การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีแสงสว่างน้อย ประกอบกับพื้นผิวถนนทหารมีเศษหินเศษกระจก ขวดน้ำตกเกลื่อนกลาดเต็มพื้นถนน
ขณะเดียวกัน ทางเจ้าหน้าที่อีโอดีได้ลงพื้นที่ตรวจบริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา แยกเกียกกาย และบริเวณโดยรอบ เพื่อตรวจหาวัตถุต้องสงสัย เบื้องต้นไม่พบสิ่งผิดปกติ
ส่วนทางเจ้าหน้าที่สำนักรักษาความสะอาดเขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ได้เข้าเก็บขยะ และเคลียร์พื้นที่บริเวณดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดให้ผู้ใช้รถใช้ถนนสัญจรผ่านไปมาได้ 1 ช่องทางเช่นเดียวกับบริเวณถนนประชาราษฎร์สาย 1 ที่เจ้าหน้าที่ต้องนำรถยกลากรถตู้ตำรวจที่จอดตาย เนื่องจากถูกปลดลมล้อและพังเสียหาย
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยทางด่วนได้มายกรถเมล์ที่นำมาจอดขวางออกจากบริเวณแยกเกียกกาย เพื่อจะได้เปิดการจราจรต่อไป โดยเจ้าหน้าที่จะนำรถเมล์ไปเก็บไว้ที่บริเวณท่าเรือเกียกกาย เพื่อทำการตรวจสอบความเสียหายอย่างละเอียดอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามรวมทั้งหมดมีรถเสียหายทั้งหมด 35 คัน แยกเป็น รถบัสของตำรวจตระเวนชายแดนจำนวน 3 คัน ได้รับความเสียหายกระจกแตก ไฟท้ายแตก หนึ่งในนั้นพบมีรูกระสุนปืนไม่ทราบขนาด รถฉีดน้ำแรงดันสูงจำนวน 5 คัน ถูกปล่อยลมยางและสีสเปรย์อักษรข้อความ ทั่วทั้งคัน รถน้ำที่เอาไว้สำหรับเติมน้ำแรงดันสูงจำนวน 2 คัน ถูกปล่อยลมยางและพ้นสีสเปรย์
รถตู้จำนวน 13 คัน ได้รับความเสียหายถูกทุบจนบุบ กระจกแตก กระจกมองข้างหัก และถูกปล่อยลมยาง รถยนต์กระบะเสียหาย 3 คัน ถูกปล่อยลมยางและทุบจนบุบ รถเก๋ง 1 คัน ถูกปล่อยลมยาง และรถเมล์ประจำทางสาย 48 จำนวน 3 คัน ถูกพ้นด้วยสีสเปรย์