เปิดคลิปฟังชัด ๆ หมอวรงค์ ท้า พิธา ดีเบตเรื่อง ม.112 เวทีสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ

3693

จากกรณีที่วานนี้ (19 ก.พ. 2564) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายว่า จากการบริหารประเทศ อันไร้ประสิทธิภาพของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้มีคนจนเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านคน บริหารบกพร่องทั้งมิติ เศรษฐกิจ สังคม การเมือง การศึกษา สิ่งที่บกพร่องร้ายแรงคือ ไม่เข้าใจหลักการระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ในญัตติมีการระบุในถ้อยคำ พล.อ.ประยุทธ์ ทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันกับประชาชน นำสถาบันมาเป็นเกราะในการป้องกันตัวเอง เมื่อนายกได้รับพระราชทานคำแนะนำ ตักเตือน ควรเก็บไว้ ไม่ควรเผยแพร่สู่สาธารณะ แต่ในระยะ 7 ปี ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เข้าใจ เรื่องควรทำไม่ทำ เรื่องไม่ควรทำกลับทำ อ้างสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเกราะป้องกันตัวเอง ใช้ความกลัว ใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ต่อนักเรียน นักศึกษา ที่เรียกร้องปฏิรูปสถาบัน

ทั้งนี้ นางพิธา ยังกล่าวต่อว่า ส่วนตัวไม่เชื่อการใช้มาตรา 112 พร่ำเพรื่อจะเป็นผลดีต่อสถาบันฯ นายกเคยบอกว่า มาตรา112 ไม่ได้ใช้เลย เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระเมตตา ไม่ให้ใช้ แต่หลังจากนั้น มีผู้ที่โดนลงโทษ จำคุกจากการใช้มาตราดังกล่าว เช่น หญิงสูงวัย นายอานนท์ นำภา นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข  สิ่งนี้คือ ความย้อนแย้ง จะทำให้สังคมคิดอย่างไร จะยิ่งสร้างความแตกร้าวระหว่างประชาชนกับสถาบัน

“พรรคก้าวไกล พยายามหาทางออก แต่กลับถูกมองด้วยอคติว่า อยู่เบื้องหลังผู้ชุมนุม ล้มล้างสถาบัน ถ้าผมเป็นนายก จะไม่ปล่อยให้มีการพูดเรื่องสถาบัน โดยไม่มีทางออก น่าจะนำมาพูดในสภาฯ สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ประชาชนพูดคุยอย่างมีเหตุผล มีวุฒิภาวะ เชื่อว่าปัญหาจะยุติ สถาบันจะยั่งยืน”

นายพิธา กล่าวต่อไปว่า นายกรัฐมนตรีที่ดีต้องทำหน้าที่ 2 อย่าง 1.ห้ามล้อ ไม่ให้พระราชอำนาจไปขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ  2. เป็นกันชน ไม่ให้เรื่องเสื่อมเสียกระทบไปยังสถาบัน และนายกต้องปกป้องสถาบัน ไม่อ้างสถาบันพร่ำเพรื่อ นายกที่ดีต้องเชิดชูให้อยู่เหนือการเมืองไม่ให้สถาบันมาเกี่ยวกับการเมือง

“เวลานี้ประเทศไทยมาถึงทาง 2 แพร่ง สภาต้องเลือก ระหว่างประยุทธ์ หรือ ประเทศ ถ้าสภายังเชื่อในหลักการ ต้องเลือกประเทศ ไม่ไว้วางใจประยุทธ์ จะถอดสลัก ให้ประเทศเดินหน้าไปสู่อนาคต เป็นก้าวแรกปฏิรูปประเทศ ทลายทุนผูกขาด ประเทศไทยมีทรัพยากรเพียงพอสำหรับทุกคน แต่ติดที่ระบบที่ให้เขารักษาอำนาจได้ แต่ไม่สามารถบริหารประเทศได้

ถ้าเราเลือกประเทศ เท่ากับสภายืนยันระบอบการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขว่า นายกจะเอาพระราชกระแสมาอ้าง ไม่ได้ ตอนโหวตเลือกนายกฯ โหวตแก้รัฐธรรมนูญ อาจตัดสินใจเกรงอำนาจสว. ขอบเขตอำนาจสภาฯถูกลดทอนไป แต่อำนาจไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี เป็นอำนาจของสภาฯ

ถ้าพวกเรากล้าพอ เอาชื่อประยุทธ์ ออกไปจากสารบบการเมือง ตามที่หลายพรรคหาเสียงไว้ตอนเลือกตั้ง อยู่ที่การลงคะแนนทั้งสิ้น ไม่มีข้ออ้าง อำนาจใดที่สูงกว่า พรุ่งนี้เป็นวันเดียว ที่สภาฯยืนหยัดในอำนาจตัวเอง ทำให้ประชาชนเห็นว่า คือ ผู้แทนราษฎร ไม่ใช่ผู้แทนของประยุทธ์ ถึงเวลาแล้ว ที่เลือกประเทศ ด้วยการโหวตไม่ไว้วางใจประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี “นายพิธา กล่าว

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ดังนี้ #save112 หัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวในสภาว่า ส่วนตัวไม่เชื่อการใช้มาตรา 112 พร่ำเพรื่อจะเป็นผลดีต่อสถาบัน และถ้าเป็นนายกฯ จะสร้างพื้นที่ปลอดภัย ให้พูดเรื่องนี้

สิ่งที่ต้องบอกคุณพิธาว่า การด่าสถาบันพร่ำเพรื่อ ก็ไม่เป็นผลดีใด ๆ ต่อพวกคุณ คุณแน่ใจหรือว่า การที่พวกคุณอ้างเรื่องพื้นที่ปลอดภัยให้พูดเรื่องสถาบันนั้น หรือแม้ข้ออ้างปฏิรูปสถาบัน คุณมีความบริสุทธิ์ใจต่อสถาบันจริง ๆ

เพราะกิริยาต่าง ๆ มันฟ้อง ส่วนข้อเสนอแก้ไข ยกเลิกมาตรา 112 ที่พวกคุณเสนอ สาระก็เพียงแค่ต้องการให้ลดความรับผิดลง ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น นอกจากเป้าหมาย ด่าเจ้า ลดโทษและล้างความผิดให้พรรคพวกเท่านั้น

ไหน ๆ ทางสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) เขามีแผนจะจัดดีเบต เรื่อง มาตรา 112 ในค่ำวันที่ 3 มีนาคมนี้ ในฐานะที่คุณเป็นผู้นำการยกเลิกและแก้ไขมาตรา 112 นี้ คุณพิธาคงไม่ปฏิเสธที่จะไปร่วมนะครับ #ปกป้องสถาบันสร้างสรรค์การเมืองคุณธรรม #ไทยภักดี

อย่างไรก็ตาม นพ.วรงค์ ยังส่งคลิปถึงนายพิธา ระบุว่า “ตามที่คุณพิธาได้พูดในสภาฯ มีการบอกว่าการใช้มาตรา 112 พร่ำเพรื่อไม่เป็นผลดี รวมทั้งบอกว่าถ้าตัวเองได้เป็นนายกรัฐมนตรีจะเปิดพื้นที่ให้พูดถึงเรื่องสถาบันอย่างปลอดภัย ผมอยากจะบอกคุณพิธาว่า การที่พวกคุณจาบจ้วงสถาบันอย่างพร่ำเพรื่อก็ไม่เป็นผลดีเช่นกัน หรือแม้แต่การที่คุณบอกว่าคุณจะเปิดพื้นที่ให้กล่าวถึงสถาบันด้วยความปลอดภัย ผมถามจริง ๆ ว่าสิ่งที่พวกคุณพูดถึงกันนั้น คุณมีความจริงใจ หรือบริสุทธิ์ใจต่อสถาบันจริงหรือไม่ ผมเชื่อว่าถ้าพวกคุณมีความจริงใจต่อสถาบันอย่างแท้จริง ไม่มีปัญหาในการกล่าวถึงสถาบัน แต่สิ่งนั้นคือคุณไม่จริงใจ และครั้งนี้อยากจะฝากบอกคุณพิธา ทางสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) เขามีแพลนที่จะจัดดีเบตเรื่องมาตรา 112 ในวันที่ 3 เดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ในฐานะที่คุณเป็นผู้นำในการต้าน และยกเลิกมาตรา 112 ผมเชิญคุณนะครับแล้วเจอกันอย่าปฏิเสธนะครับ”