ระอุต่อเนื่อง กลุ่มมวลชน 2 ฝ่ายปะทะเดือด รอบ 2 มีผู้บาดเจ็บ

3847

จากการชุมนุมที่บริเวณรัฐสภาฯ เกียกกาย ของกลุ่มผู้ชุมนุมที่พยายามบอกผ่านสื่อโซเชียลเสมอว่า ชุมนุมอย่างสงบ เป็นฝ่ายถูกกระทำ โดนฉีดน้ำใส่เพราะแค่มาชุมนุมแบบสันติ เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับกลุ่มตนเองบนโลกโซเชียล

ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเริ่มทำการฉีดน้ำใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ได้ทำการเตือนด้วยการประกาศแล้วว่าห้ามรื้อสิ่งกีดขวางที่เจ้าหน้าที่ได้นำมาวางกั้นไว้ และให้ถอยห่างออกไป แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ฟังเสียง และช่วยกันรื้อสิ่งกีดขวาง กระทั่งสามารถผ่านไปได้จนเกือบจะประชิดถึงแถวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้เริ่มทำการฉีดน้ำแรงดันสูง ซึ่งไม่มีการผสมสิ่งใด ถึง 3 ครั้ง แต่ผู้ชุมนุมก็ไม่ถอยออกห่าง เจ้าหน้าที่จึงได้ประกาศใช้น้ำผสมแก๊สน้ำตา จึงสามารถที่จะทำให้ทางด้านผู้ชุมนุมถอยห่างออกไปได้

และสิ่งที่ผู้ชุมนุมได้นำออกมาเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตนเองนั้นก็คือ ภาพของ เด็ก ผู้หญิง และพระ ที่ถูกแก๊สน้ำตาแล้วอ้างว่าเป็นการโดนลูกหลง ทั้งที่กลุ่มผู้ชุมนุม มีความตั้งใจพาเด็ก เข้าไปในพื้นที่ เพื่อสร้างภาพการถูกกระทำ

รวมถึงได้มีการทำลายข้าวของ ขีดเขียนกำแพงซึ่งเป็นการทำลายทรัพย์สินด้วยข้อความหยาบคาย พร้อมทั้งพ่นสี เจาะยาง และทำลายรถของทางราชการ เป็นจำนวนมาก แต่ภาพแบบนี้กลับไม่เคยหลุดออกไป และไม่เคยมีใครพูดถึงในกลุ่มผู้ชุมนุม ทำให้ประชาชนจำนวนมากต่างมองว่า นี่หรือ คือการชุมนุมอย่างสันติที่พวกเขาได้กล่าวอ้าง


อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ย้อนดูการกระทำก่อนจะเรียกร้อง ตั้งใจพาเด็กมาเสี่ยง? ความจริงอีกมุม ผลงาน “กลุ่มราษฎร” ชุมนุมอย่างสันติ แต่พ่นสีรถ เจาะยาง ทำลายข้าวของราชการ!?

ทั้งนี้หลังจากที่กลุ่มมวลชนได้ดันแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจและบุกยึดพื้นที่บริเวณหน้ารัฐสภาได้แล้วนั้น มีรายงานว่าเมื่อช่วงเวลา 20.20 น. ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุปะทะระหว่างผู้ชุมนุม 2 ฝ่าย และมีเสียงดังคล้ายปืนดังขึ้น

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวที่ติดตามสถานการณ์อยู่ในพื้นที่ชุมนุมจำนวนมากต้องนอนราบกับพื้น หลังมีเสียงคล้ายปืน ดังขั้นและพบว่ามีผู้บาดเจ็บหลายราย ต่อมาทราบว่ามีผู้ถูกยิง และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว แต่ไม่ทราบว่ายิงมาจากทิศทางไหน และใครเป็นคนเริ่มยิง