นายกฯพอใจ “คนละครึ่ง” ประชาชนใช้จ่ายคึกคัก ผู้ค้ารายย่อยได้ประโยชน์โดยตรง ร้านค้าเข้าร่วมโครงการแล้ว 648,372 ร้าน มียอดการใช้จ่ายสะสม 13,481 ล้านบาท เตรียมขยายเฟส2 เร็วๆนี้ เป็นของขวัญปีใหม่โดยเพิ่มผู้ใช้-ร้านค้า วงเงินและระยะเวลา ชี้เป็นก้าวแรกหนุนประชาชนเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านสังคมดิจิทัลและ e-Commerce Platform ของไทย คลังแจงเตรียมงบฯ 3 หมื่นล้านอัดฉีดเข้าสู่ระบบเท่ากับเฟสแรก
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พอใจผลตอบรับจากประชาชนในโครงการ ”คนละครึ่ง” ซึ่งเป็นมาตรการกระตุ้นการบริโภค ที่บรรลุเป้าหมายตามที่รัฐบาลตั้งใจไว้ เพื่อเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 พยุงเศรษฐกิจไทยผ่านการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ ช่วยเหลือกลุ่มผู้ค้ารายย่อย โดยเฉพาะหาบเร่แผงลอย ร้านโชห่วย ร้านขายอาหารและเครื่องดื่ม พ่อค้าแม่ค้าในตลาดสดหรือตลาดนัด เป็นต้น
ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 13 พย. 63 มีจำนวนร้านค้าเข้าร่วมโครงการแล้ว 648,372 ร้าน มียอดการใช้จ่ายสะสม 13,481 ล้านบาท แยกเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายเอง 6,869 ล้านบาท และส่วนที่รัฐช่วยจ่าย 6,612 ล้านบาท
นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงการคลังศึกษาข้อมูล เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการเตรียมจัดทำโครงการ “คนละครึ่ง” เฟส 2 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย และช่วยเหลือกลุ่มผู้ค้ารายย่อยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการพิจารณาความเป็นไปได้ในการเพิ่มจำนวนผู้ได้รับสิทธิ์ และการเพิ่มวงเงินใช้จ่ายอีกด้วย
นายอนุชา กล่าวเพิ่มเติมว่า “โครงการ “คนละครึ่ง” นอกจากจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว โครงการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการที่ช่วยให้ประชาชนได้เกิดการเรียนรู้การใช้แอปพลิเคชั่นทางการเงิน ทั้งในฝั่งของผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญในการเดินหน้าสู่สังคมไร้เงินสดของไทยในอนาคต อีกทั้งเป็นแนวทางสำคัญในการนำข้อมูลไปพัฒนาระบบ National e-Commerce Platform ของประเทศไทยได้อีกด้วย”
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีการเปิดลงทะเบียนโครงการคนละครึ่งรอบ 2 จำนวน 2.5 ล้านสิทธิ์ แต่ปรากฏว่าสิทธิ์เต็มภายในเวลา 3 ชั่วโมงว่า จากผลการตอบรับที่ดีของโครงการคนละครึ่ง และการใช้จ่ายภายในโครงการเป็นที่น่าพอใจ โดยมีสัดส่วนของการใช้จ่ายของประชาชน 51% ซึ่งมากกว่าที่รัฐช่วยออกให้ ที่ 49% ส่วนใหญ่ใช้จ่ายในร้านอาหาร แสดงให้เห็นว่าโครงการประสบความสำเร็จ กระตุ้นการใช้จ่ายได้จริง สำหรับรอบสองอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียด
เบื้องต้นกระทรวงการคลังยืนยันว่ามีงบประมาณเพียงพอ โดยเป็นเงินจาก พรก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูผลกระทบโรคโควิด-19 จำนวน 400,000 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้เหลือวงเงินที่นำมาใช้จ่ายได้ประมาณ 200,000 ล้านบาท วงเงินที่จะใช้คงพิจารณาเริ่มต้นเท่ากับเฟสแรกคือ 3 หมื่นล้านบาทเป็นตัวตั้ง