“แก้วสรร” ชี้ขาด “ธนาธร” จงใจพาดพิงสถาบัน ผิดหวังแทนคนรุ่นใหม่ เทคะแนนให้ คนที่สมอง-หัวใจมีปัญหา

2991

จากกรณีที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้ออกมาแถลงชี้แจงการไลฟ์สดวิพากษวิจารณ์และพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ในหัวข้อเรื่อง วัคซีนพระราชทาน : ใครได้ใครเสีย

โดยมีตอนหนึ่ง นายธนาธรกล่าวว่า
เมื่อเราตั้งคำถาม แต่สิ่งที่ได้รับก็คือการถูกรัฐบาลฟ้องเอาผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ผิด ป.อาญามาตรา 112 ซึ่งเป็นอย่างนี้มาตลอด และถ้าย้อนไปดูจะพบว่า พล.อ.ประยุทธ์พยายามบิดเบือนประเด็นทุกครั้งเมื่อมีคนวิพากษ์วิจารณ์ความผิดพลาด โดยยกเอาสถาบันกษัตริย์มากลบเกลื่อนความไม่มีประสิทธิภาพของตนเอง อ้างความจงรักภักดี และเพราะเหตุนี้หรือไม่ คุณจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม จึงทำให้มีคนออกมาตั้งคำถามกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งในกรณีนี้ก็ชัดเจนว่าคนที่ดึงสถาบันกษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับเรื่องการจัดหาวัคซีนไม่ใช่ตนเอง แต่เป็น พล.อ.ประยุทธ์นั่นเอง

ตอนหนึ่งนายธนาธรได้เปิดคลิปการแถลงข่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ ในวันเป็นประธานการเซ็นจองวัคซีนโควิด โดยท่อนหนึ่งกล่าวว่า ในหลวงพระราชทานบริษัทในพระปรมาภิไธยผลิตแจกจ่าย จากนั้นนายธนาธรกล่าวต่อว่า คลิปดังกล่าวเป็นการแถลงข่าวเมื่อกลางเดือน พ.ย. ซึ่งคำถามคือการตั้งคำถามต่อการใช้งบประมาณของรัฐบาล แต่กลับถูกยัดเยียดคดีนั้นเป็นธรรมหรือไม่ ใครที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจะถูกใช้คดีปิดปากเรื่อยๆ อย่างนี้หรือไม่ เราในฐานะคนไทยซึ่งมีส่วนได้ส่วนเสียกับประเทศนี้ ต้องหาทางออกร่วมกัน ว่าตกลงการวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล เป็นการไม่จงรักภักดี คือการเป็นศัตรูกับสถาบันหรืออย่างไร คิดว่าสังคมไทยทั้งสังคมต้องทำความเข้าใจเรื่องนี้

ล่าสุด นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง “บริษัทพระราชทาน” ไม่ใช่ “วัคซีนพระราชทาน” ผ่าน www.thaipost.net โดยมีรายละเอียดดังนี้

ถาม ไลฟ์สด ของธนาธร เรื่อง “วัคซีนพระราชทาน : ใครได้ใครเสีย” โดนรัฐบาลส่งคนไปแจ้งความเอาผิด มาตรา ๑๑๒ ได้อย่างไร ใครวิพากษ์รัฐบาลก็โดน ๑๑๒ ปิดปากเอาได้ง่ายๆ ยังงี้หรือ ?
ตอบ บทไลฟ์สดที่ว่านี้ คุณต้องแบ่งเนื้อความเป็นสองส่วน ส่วนที่วิพากษ์นโยบายจัดซื้อวัคซีน โควิด ของรัฐบาล กับส่วนที่พาดพิงสถาบัน

ส่วนวิพากษ์นั้น คุณธนาธรเขาเห็นว่า

๑.การจัดหาวัคซีนของรัฐบาลช้าเกินไป ไม่กระจายความเสี่ยง สั่งจองกับ แอสตร้าซีเนกร้าเจ้าเดียว มีวัคซีนของจีนเจือมาบ้างนิดหน่อย แถมยังสั่งไม่เพียงพอกับจำนวนประชากรอีกด้วย

๒. บริษัทสยามไบโอไซแอนซ์ ที่แอสตร้าฯจ้างผลิตวัคซีนนั้น ขาดทุนต่อเนื่องไม่น่าไว้วางใจให้มาดูแลผลิตวัคซีนเกือบทั้งหมดให้ประเทศไทย

ถาม พูดแค่นี้ก็ผิดแล้วหรือครับ
ตอบ ยังครับ มันมีส่วนที่สองที่พาดพิงสถาบันว่า

๑. เป็นการไม่ชอบมาพากลอย่างยิ่งที่รัฐบาล ออกเงินให้สยามไบโอฯ ปรับปรุงโรงงานเครื่องจักรเครื่องมือในงานผลิตวัคซีนนี้ด้วยกว่า ๑,๕๐๐ ล้านบาท ( มีสัญญาให้ชำระคืนในรูปของวัคซีนในภายหลัง )

๒. นโยบายที่ผิดพลาด และการให้เงินสนับสนุนที่ไม่ชอบมาพากลนี้ เกิดขึ้นได้อย่างไรนั้น คุณธนาธรไม่บรรยายตรงๆ ว่าในหลวงสั่งการ แต่บอกข้อมูลว่าสยามไบโอนี้มีในหลวงถือหุ้น ๑๐๐ % แล้วใช้คำในหัวข้อว่า “วัคซีนพระราชทาน”

๓. แล้วเขาเสริมด้วยนะครับว่า การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นในไตรมาสที่สามของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ ม๊อบเยาวชนปลดแอกกำลังโจมตีสถาบันอย่างหนักพอดี การให้บริษัทในหลวงโผล่มาผลิตวัคซีนให้ประชาชน จึงเป็นนโยบายซ่อมแซมความเสียหายทางเกียรติภูมิให้สถาบันด้วย

ถาม การบอกโดยปริยาย ใช้ถ้อยคำและเดินเรื่องให้ผู้ฟังเข้าใจได้เองเช่นนี้ ถือเป็นการใส่ความได้แล้วหรือยังครับ
ตอบ ประเด็นตัดสินในคดีก็อยู่ตรงนี้แหละครับ ว่าท้องเรื่องและคำนี้ชัดพอไหมที่จะถือเป็นการใส่ความในหลวง ที่ผ่านมาก็มีคนใช้คำในทำนองนี้มาแล้วเช่นใช้คำว่า“กระสุนพระราชทาน” เพื่อสื่อว่าในหลวงรู้เห็นในการใช้อาวุธกับฝ่ายตนด้วย

ถาม เห็นธนาธรเขาอ้างว่า เมื่อพฤศจิกายนปีที่แล้ว ในคราวชี้แจงเรื่องการจัดซื้อวัคซีนนั้น นายกฯลุงตู่ก็พูดพาดพิงไว้แล้วในครั้งนั้นว่า งานนี้ “ในหลวงได้พระราชทานบริษัทในพระปรมาภิไธยให้มาผลิตวัคซีนด้วย”
ดังนั้นการที่เขาพูดตามคำพูดลุงตู่ข้างต้นว่า “วัคซีนพระราชทาน” จึงไม่แปลก
ตอบ นายกฯลุงตู่เขาบอกว่าในหลวง “พระราชทานบริษัท” ไม่ใช่ “พระราชทานวัคซีน”สองคำนี้ให้ความเข้าใจต่างกันคนละเรื่องเลย ที่ลุงตู่พูดน่าจะหมายถึงการกราบทูลขอให้เจ้าของบริษัท ทรงเห็นด้วยกับการที่สยามไบโอจะรับงานผลิตวัคซีนตามโครงการที่ผู้เกี่ยวข้องได้ไปเจรจากับแอสตร้าซีเนกร้าเท่านั้นก็ได้ การที่ลุงตู่ใช้คำว่า“ในหลวงพระราชทานบริษัทในพระปรมาภิไธยให้รับผลิตวัคซีน ” จึงถูกต้องแล้วส่วนควรจะพูดหรือไม่นั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ถาม คดี ๑๑๒ ของธนาธร จึงมีประเด็นชี้ขาดอยู่ตรงการใช้คำคำนี้
ตอบ ครับ เวลาอัยการเขียนคำฟ้อง ก็ต้องบรรยายฟ้องว่า จำเลยขึ้นต้นหัวข้อก็บอกไว้แล้วว่า”ใครได้ใครเสีย” จากนั้นในท้องเรื่องก็ชี้ถึงมาตรการที่ไม่ชอบมาพากล ไม่สมเหตุผล แล้วมีบริษัทของในหลวงได้ประโยชน์ ส่วนจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ใครเจ้ากี้เจ้าการนั้น จำเลยก็จบด้วยคำที่ขึ้นต้นไว้ก่อนแล้วว่า “วัคซีนพระราชทาน”

ถาม จำเลยคงปฏิเสธท่าเดียวว่า ตนเองวิพากษ์นายกฯลุงตู่เท่านั้นว่าแอบอ้างในหลวงมาคุ้มกันนโยบายที่ผิดพลาดของตน
ตอบ ถ้าต้องการแค่นี้ มันไม่จำเป็นต้องวิพากษ์พาดพิงถึงในหลวงเลยก็ได้ ตั้งหัวข้อว่า

“นโยบายจัดหาวัคซีนโควิดของรัฐบาล : ใครได้ใครเสีย? ” เปลี่ยนหัวข้อแค่นี้ก็รอดตัวแล้วครับ น่าเสียดายที่เกินเลยจนจะเข้าคุกอย่างนี้

ถาม ทำไมต้องเสียดายครับ
ตอบ คนรุ่นใหม่ควรเป็นความหวังใหม่ ส่งผู้แทนดีๆเก่งๆมาช่วยติดตามตรวจสอบแก้ไขความเลวในแผ่นดินนี้ได้ดีกว่ารุ่นผม แต่ผู้นำที่ชักใบเรือขึ้นมารับลมรับพลังเยาวชนไทยในยุคนี้ ได้พลังแล้วกลับถือท้ายพาเรือมุดเข้าป่าชายเลนไปเลย

นโยบายจัดหาวัคซีนโควิดครั้งนี้ของรัฐบาลก็เช่นกัน ผมเห็นด้วยว่ามีจุดที่ควรตรวจสอบซักถามอยู่จริงๆ แต่แทนที่พวกธนาธรเขาจะสืบสาวกันให้จริงจัง กลับเกินเลยพุ่งมาพาดพิงสถาบัน ถึงขั้นเป็นคดีใส่ความให้ในหลวงเสียหายไปเสียได้

ถาม เข้าตำรา “ปากหมาพาโชค ”
ตอบ มันเป็นปัญหาที่สมองและหัวใจครับ ไม่ใช่ปาก.

จาก"แก้วสรร"แด่...ม็อบมุ้งมิ้ง | สยามรัฐ