รัฐบาลปลื้ม “คนละครึ่ง”ยอดนิยม!?! ใช้จ่ายทะลุ 7,629 ล้านบาท กรุงเทพฯ-สงขลานำโด่งเพิ่มร้านค้า 1ล้านแห่ง

2367

รัฐบาลกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศด้วยโครงการ “คนละครึ่ง”ประสบความสำเร็จเข้าเป้าทั้งจำนวนผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ 10 ล้านคน มีร้านค้าเข้าร่วมกว่า 5 แสนรายครบวันที่ 28 ต.ค.2563 ปัจจุบันมียอดค่าใช้จ่าย 7,629 ล้านบาทมีผู้ใช้ 7.1 ล้านราย ปรากฏว่ามียอดตกหล่นใช้สิทธิ์ไม่ทันภายใน 14 วันถูกระงับสิทธิ์การใช้ เสียงบ่นจากชาวบ้านและร้านค้าย่อยว่าระบบใช้งานยาก ล่มบ่อยร้านค้ามีน้อย เรื่องนี้แม่งานอย่างกระทรวงการคลังและธนาคารกรุงไทยต้องเป็นหน่วยหลักดูแลแก้ไข ล่าสุดบิ๊กตู่สั่งเพิ่มจำนวนอีกในรอบเก็บตกเป็น 10 ล้านคน ตั้งเป้าเพิ่มร้านค้าให้ครบ 1 ล้านราย เลือกดีเดย์ วันที่ 11 เดือน 11 วันคนโสดของจีน

มาตรการ “คนละครึ่ง” ที่เปิดให้ลงทะเบียนสำหรับประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com เป็นหนึ่งในมาตรการเยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก สำหรับผู้ประกอบการรายย่อย อาทิ หาบเร่ แผงลอย เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น จากการที่ภาครัฐ ร่วมจ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไปผ่านผู้ซื้อ 50% และไม่เกิน 150 บาท ต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน 3,000 บาท ตลอดโครงการโดยใช้จ่ายผ่าน G-Wallet บนแอพฯ เป๋าตัง ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2563 โดยมีเป้าหมาย 10 ล้านราย หลังจากมีการลงทะเบียนรับสิทธิครบไปแล้ว เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา 

คนเล็กๆอยากเข้าร่วมติดที่ไม่เคยชินดิจิทัล

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีมีความพึงพอใจต่อผลการดำเนินโครงการคนละครึ่งเป็นอย่างมาก ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งประชาชนและร้านค้า สามารถลดภาระค่าใช้จ่ายประจำวันของประชาชน เงินสะพัดในชุมชน เจ้าของร้านค้า หาบเร่ แผงลอย รถเข็น ต่างก็มีรายได้เพิ่มขึ้น และการใช้จ่ายผ่านแอพพลิเคชันก็สะดวก โดยความคืบหน้าล่าสุด ข้อมูลจากกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 5.23 แสนร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิแล้วจำนวน 7.1 ล้านคน โดยมียอดการใช้จ่ายสะสม 7,629 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 3,888 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 3,741 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายเฉลี่ย  216 บาทต่อครั้ง โดยจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่ ตามลำดับ 

 

ทางกระทรวงการคลังจะเปิดให้มีการลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง รอบสอง ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ในวันพุธที่ 11 พฤศจิกายน 2563 ช่วง 06:00-23:00 น และในส่วนของการเพิ่มจำนวนร้านค้า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการในที่ประชุมครม.ไปก่อนหน้านี้ ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการคลังร่วมกันอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย เพราะมีจำนวนมากที่สนใจร่วมโครงการฯ แต่มีความกังวลเรื่องการทำธุรกรรมผ่านมือถือและวิธีการลงทะเบียน 

เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอทั่วประเทศ เร่งประชาสัมพันธ์โครงการฯ และอำนวยความสะดวกในเรื่องการรับรองว่าเป็นร้านค้าจริง ตั้งเป้าอยากให้มี 1 ล้านร้านค้า จะได้มีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น ที่ผ่านมา จำนวนร้านค้าเพิ่มขึ้นมาก จาก 3 แสนร้าน ช่วงปลายเดือน ต.ค. เป็น  5.23 แสนร้านแล้ว และในจำนวนนี้เป็นหาบเร่แผงลอย มากว่า 7 หมื่นราย

“อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นายกรัฐมนตรีกังวลก็คือ การฉวยโอกาสจากโครงการฯ เช่น การคิดราคาสินค้าที่สูงขึ้นหรือการทำธุรกรรมที่ไม่มีการซื้อขายจริง รัฐบาลจึงขอความร่วมมือจากประชาชนและร้านค้าให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ อย่าให้มีการดำเนินการไปในทางมิชอบ ไม่ทำลายบรรยากาศของการดำเนินโครงการคนละครึ่ง  ซึ่งรัฐบาลตั้งใจจริงให้โครงการนี้ช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย โดยใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าและโปร่งใส ในส่วนของธนาคารกรุงไทย ได้วางระบบการป้องกันการทุจริตในกิจกรรมที่เกี่ยวกับการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ไว้แล้ว และจะมีการระงับการใช้แอปพลิเคชันตลอดจนการจ่ายเงินทั้งฝั่งร้านค้าและประชาชนทันที หากพบการใช้จ่ายผิดเงื่อนไข และอาจมีการดำเนินการตามกฎหมายตามความผิดฐานฉ้อโกง ” รองโฆษกฯ กล่าว