จากที่พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ปรากฎข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จเป็นการกล่าวร้ายการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ทั้งตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่อื่นๆ เช่น การใช้คำว่าใช้หมายจับที่หมดสภาพมาดำเนินการจับกุมตัวผู้ต้องหา
“หรือมีการใช้กำลังทุบตีผู้ต้องหาคนหนึ่งคนใด จนได้รับบาดเจ็บหมดสติเหล่านี้เป็นต้น ซึ่งข้อความเหล่านั้นเป็นข้อความอันเป็นเท็จ เป็นความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และบก.ปอท. จะต้องดำเนินการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ฝากเตือนประชาชนที่ทราบข่าวแล้วอย่าเผยแพร่ ส่งต่อ ทำซ้ำ อาจจะได้รับโทษตามกฎหมายด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนกรณีการเจ็บป่วย ตำรวจก็ดำเนินการตามหลักสิทธิมนุษยชน”
ต่อมานายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ และอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวลงในเฟซบุ๊กว่าผมโพสต์ความเห็นเกี่ยวกับการอายัดตัวไมค์กับเพนกวินไปเมื่อวาน ใช้คำว่าซ้อมจนสลบ ต่อมาก็ปรับเป็นทำให้สลบ แต่ก็ได้ยืนยันว่าได้ข้อมูลว่ามีการใช้กำลัง มีการล็อคคอ และทำให้สลบ
เห็นข่าวไมค์ให้สัมภาษณ์เล่าว่าเกิดอะไรขึ้น ก็อยากเชิญชวนให้ท่านทั้งหลายช่วยวิเคราะห์ว่าตกลงแบบนี้เกิดอะไรขึ้นและควรจะเรียกว่าอะไร แต่ที่สำคัญกว่านี้คือต้องถามว่าทำแบบนี้ก็ได้หรือ ล่าสุดวันนี้(1พ.ย.63) นายจาตุรนต์ ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กอีกครั้งว่า เห็นข่าวตำรวจเตือนเรื่องเฟคนิวส์กรณีอายัดไมค์กับเพนกวิน
ในรายงานข่าวบางชิ้นมีพาดพิงมาถึงผมด้วยทำนองว่าเป็นคนปล่อยเฟคนิวส์ ขณะที่ก็มีข่าวที่ส่งมาอีกชิ้นเป็นเรื่องที่เพนกวินให้สัมภาษณ์เล่าเหตุการณ์ตอนถูกล็อคตัว ซึ่งก็สอดคล้องกับที่ผมโพสต์เฟสบุ๊คทุกอย่าง จึงไม่ทราบว่าจะเป็นเฟคนิวส์ได้ยังไง ถ้าตำรวจหรือใครอ่านบทสัมภาษณ์ทั้งไมค์ และเพนกวิน แล้วลองไปนึกดูว่าผู้คนทั้งหลายเขาจะเชื่อใครระหว่างตำรวจกับสองหนุ่มที่ถูกอุ้ม
