จากที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตอบคำถามสื่อขณะนี้รายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ โดยบิ๊กตู่ พูดอย่างอารมณ์ดี ว่า”เรียบร้อย ไม่มีอะไร” พร้อมทำท่าผายมือฉีกยิ้มให้ผู้สื่อข่าว
ทั้งนี้การปรับครม.มีสัญญาณชัดเจนหลังจากที่ 4 กุมาร นำโดย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี แถลงลาออกจากการเป็นรัฐมนตรี คือ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง , นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน , นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทั้ง 4 ให้เหตุผลไว้ว่า ต้องการเปิดทางให้ พล.อ.ประยุทธ์ ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อหาบุคคลที่เหมาะสมเข้ามาทำหน้าที่แทน
จากนี้จึงต้องมีการปรับ ครม. ซึ่งปัจจุบัน มี รัฐมนตรี 36 คน รวม นายกรัฐมนตรี จาก 6 พรรค ประกอบไปด้วย พรรคภูมิใจไทย 7 คน , พรรคประชาธิปัตย์ 7 คน , พรรคชาติไทยพัฒนา 2 คน , พรรครวมพลังประชาชาติไทย 1 คน , พรรคชาติพัฒนา 1 คน จาก ส.ส. 4 เสียง
ส่วน พรรคพลังประชารัฐ 18 คน จาก ส.ส. 118 เสียง หาก รัฐมนตรี ที่ไม่รวมนายกฯ จะเหลือ 17 เสียง ที่เป็นโควตาของพรรคพลังประชารัฐ นี่ก็คือสูตร 7:1 ที่ใช้คำนวณในตอนนั้นซึ่งจะทั้ง 17 คนนี้ มีออกไปแล้ว 4 คน ก็แน่นอน ต้องว่าง 4 ตำแหน่ง ก็ต้องมาดูต่อไปว่า นายกฯ จะจัดแค่ 4 ตำแหน่งนี้ หรือจะปรับใหญ่ ทั้งนี้ คาดว่าโอกาสที่ปรับ ขยับพรรคการเมืองอื่นนั้น ไม่มีแน่นอน
ทั้งนี้ มาดูว่า การปรับ ครม. นั้น จะอยู่พรรคพลังประชารัฐ 4 ตำแหน่ง กับ พรรครวมพลังประชาชาติไทย 1 ตำแหน่ง เป็น 5 ตำแหน่ง… พรรคพลังประชารัฐ จะจัดใครเข้ามาใน 4 ตำแหน่งนี้ หากตัด 1 เก้าอี้ไปให้กับพรรคเล็ก ก็จะเหลือ 3 ตำแหน่ง แล้วใครละจะได้ไป ซึ่งแน่นอน … แคนดิเดทแรก คือตำแหน่ง รัฐมนตรีฯคลัง และน่าจะเป็นคนนอก ซึ่งมีข่าวออกว่า อาจจะเป็น นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผจก.ใหญ่ ธ.กสิกรไทย ผู้มากประสบการบริหารด้านเศรษฐกิจ
ซึ่งทั้ง 2 ท่านนี้ มีโอกาสสูงเป็นอย่างมาก แต่…ประเด็นอยู่ที่ว่า จะจัดอย่างไรที่จะสามารถทำให้ลงตัวได้ เนื่องจาก มี 1 กระทรวง ที่เกิดการช่วงชิงมาแต่ต้นในขณะนั้นก็คือ “พลังงาน” ที่มีข่าวออกมาว่าเป็น นายณัฐพล กับ นายสุริยะ แต่ตำแหน่งนั้น นายกฯ ก็จัดให้ นายสนธิรัตน์ ไปในที่สุด
หากสูตรนี้จะจัดให้ นายปรีดี ดาวฉาย มานั่ง รมว.คลัง ควบ รองนายกฯ ให้ นายอนุชา นาคาศัย นั่ง รมว.พลังงาน ซึ่งตำแหน่งนี้เอง นายสุริยะ เองก็ปรารถนาตำแหน่งนี้เช่นกัน หรือให้ นายสุริยะ นั่ง รมว.พลังงาน แล้วให้ นายอนุชา ไปนั่งตำแหน่ง รมว.อุตสาหกรรม ก็ใช่ที่ … ท่าน นายกฯ เองก็คงไม่เอาด้วย เพราะการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ใช่การเล่นเก้าอี้ดนตรี แล้วตัวท่านนายกฯ เอง ก็เคยพิสูจน์มาแล้วว่า เป็นคนจริง
แล้วก็ล่าสุดที่นายกฯลุงตู่อารมณ์ดี นั่นก็เท่ากับว่า การปรับครม.ลงตัวแล้วใช่หรือไม่ และอยากจะบอกว่า ความลงตัวที่เกิดตัวเกิดขึ้น ไม่ได้เป็นไปตามที่ใครหลายคนคิด และคาดหวัง นั่นคือ นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร จะได้นั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตามโควตานายกฯ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า นายสุริยะ ต้องอกหัก นั่งอยู่ที่เดิมคืออุตสาหกรรม ส่วนเลขาฯพลังประชารัฐใหม่หมาดอย่างนายอนุชา จะไปอยู่ที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ขณะนายสุชาติ แน่นอนแล้วว่าไปคุมกระทรวงแรงงาน โดยแลกกับพรรคลุงกำนันที่โยกดร.เอนก ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม
ล่าสุดมีรายงานว่า นายไพรินทร์ ได้ขอถอนตัวจากการเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีแล้ว ดังนั้น โผครม. ครั้งนี้ที่จะมีการปรับนั้น จะเกิดขึ้นในเฉพาะตำแหน่งที่ว่างลงเท่านั้น โดยนายปรีดี จะควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ขณะเดียวกัน มีชื่อนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ จะมาดำรงตำแหน่ง รมว.พลังงาน
อย่างไรก็ตามวันนี้(24ก.ค.63) มีหนังสือบริษัทพีทีที โกลมอลฯ แจ้งเรื่องกรรมการลาออก โดยนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ กรรมการและกรรมการกำกับดูแลกิจการ ได้ขอลาออกจากการเป็นกรรมการของบริษัท มีผลตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.63 นี้เป็นต้นไป