จากกรณีที่ ท็อป-บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ พร้อมด้วย ไทด์-เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ สองพี่น้องดาราและอาสากู้ภัยจิตอาสาชื่อดัง ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ “ทุบโต๊ะข่าว” ทางช่อง “อมรินทร์ทีวี” เมื่อคืนวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา ถึงประเด็นสำคัญทางการเมืองกรณีกลุ่มคณะราษฎรออกมาชุมนุมรายวันตามสถานที่ต่าง ๆ
โดยออกโรงเตือนม็อบอย่าท้าทายพลังเงียบ 60 ล้านคน ด้วยการจาบจ้างล่วงเกินสถาบันพระมหากษัตริย์ ลั่นถ้าเจอมากระทำต่อหน้า เข้าไปตบแน่นอน ให้รู้เลยว่าอย่าทำอย่างนี้
ต่อมาในเฟซบุ๊ก บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ชี้แจงเรื่องราวดังกล่าวผ่านไลฟ์สดเฟซบุ๊ก ระบุว่า ผมไม่มีความคิดอย่างนั้นเลย ที่ผมจะตบเป็นเด็กที่ชูนิ้วกลางให้ขบวนเสด็จฯ ผมเห็นภาพแล้วมันโมโหมาก ส่วนเด็กที่ชูสามนิ้วนั้นเป็นเรื่องของเขา เขามาเรียกร้องประชาธิปไตย อนาคตของเขา ผมไม่เคยมีส่วนกับม็อบตั้งแต่เสื้อแดง เสื้อเหลือง ผมมีเวทีเดียว คือเวทีพระมหากษัตริย์ อย่าเอามาโยงกัน คนที่ฉีกพระบรมฉายาลักษณ์ คนที่เอาภาพมาเขียนคำหยาบคาย พูดจาดูหมิ่นหยาบคายอันนั้นที่ผมจะทำ ส่วนเด็กชู 3 นิ้วนั้นผมสนับสนุนเลยครับ ถ้าทำแล้วเกิดอนาคตที่ดีกับประเทศชาติ และส่วนรวม ทุกวันนี้ที่ทุกคนรวมกันเป็นปึกแผ่นได้เป็นเพราะสถาบันพระมหากษัตริย์
ตอนนี้ทางมูลนิธิโทรฯมาอย่าให้ผมเข้าไปยุ่ง ผมบอกตรงๆ ผมรัก ผมเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ถ้าไม่ให้ผมไปยุ่ง ไปขัดขวางสิ่งที่ทำร้ายพระมหากษัตริย์ ผมอยากต่อสู้ ผมต้องขอโทษทางมูลนิธิ อาสาสมัครทุกคน ที่เคยร่วมทำงานมาหลายสิบปี และเพื่อความสบายใจผมขอลาออกตั้งแต่บัดนี้เป็นตนไป จะต้องไม่มีความกังวล ขออย่าให้ไปว่ามูลนิธิเลย
“หลังจากนี้จะขอช่วยเหลือประชาชนเหมือนเดิม แต่คงไม่ได้ไปในนามมูลนิธิแล้ว แต่จะเป็นการช่วยเหลือในนามของนายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ถึงเวลาแล้วที่เราต้องชัดเจน อย่าให้มันฮึกเหิม ไม่ใช่ใครออกมารักสถาบัน ก็ไปตามราวีเขา เชื่อว่า เด็ก 80% ไม่รู้เรื่องราว แต่ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องสู้”
ล่าสุดในเฟซบุ๊กของ 1 ในท่อน้ำเลี้ยงกลุ่มปลดแอก ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ปกรณ์ พรชีวางกูร ระบุว่า “ถ้าการเมืองดี คนอย่างไอ้บิณฑ์จะไม่มีที่ยืนในสังคม
ชาวบ้านจะไม่ต้องมายืนต่อแถวรอรับเงินจากมือมัน ไม่ต้องนอนรอความตายอยู่ในบ้าน แล้วรอให้ไอ้บิณฑ์ไปดราม่าช่วยเหลือ
ชาวบ้านทุกคนจะเข้าถึงโอกาสทาง ศก.มีโอกาสได้รับสวัสดิการที่ดีจากรัฐ
แต่ทุกวันนี้ที่ไอ้บิณฑ์มีที่ยืน เพราะการเมืองเหี้_ไง ทุกคนไม่มีโอกาสเข้าถึงการรักษาที่ดี ไม่มีทางโงหัวขึ้นมารวยเพราะถูกปิดช่องทางโอกาส
ฉะนั้นมันก็ไม่แปลกที่ไอ้บิณฑ์จะห่วงเหตุการณ์ในปัจจุบัน
ถ้าทุกอย่างมันดี ใครจะสนใจคนชื่อบิณฑ์”
