อดีตบิ๊กข่าวกรอง แฉเบื้องลึกความวุ่นวายการเมืองในไทย บางชาติจ้องฮุบผลประโยชน์ หลังพลาดจากม็อบฮ่องกง

3360

นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “New World Order

(1) หลังเหตุการณ์​เครื่องบินก่อการร้ายชนตึกเวิลด์​เทรดเซนเตอร์​ ในนครนิวยอร์คเมื่อ​ 11​ เดือนกันยายน​ 2001 อภิมหาอำนาจได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ใหญ่​ คือ​ การจัดระเบียบโลกใหม่​ New​ World Order ใครไม่ใช่พวกถือว่าเป็นศัตรู​ และมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของโลกมีได้ประเทศเดียว​ และใช้ยุทธวิธีทางทหารโจมตีก่อนถามทีหลัง​ preemptive strike

ผู้นำประเทศใดที่ขัดขวางยุทธศาสตร์การครองโลกหรือผลประโยชน์ของนักเลงโตต้องถูกกำจัด​ และใน​ 10 กว่าปีที่ผ่านมา​ สหรัฐได้กำจัดผู้นำที่เข้มแข็งในหลายประเทศ​ เริ่มตั้งแต่อิรัก​ ลิเบีย​ อียิปต์และซีเรีย​ ซัดดัม​ กัดดาฟี มูบารัก​ จึงต้องถูกกำจัดด้วยเหตุจลาจลในประเทศ

ส่วนในเอเชีย​ จีนถือเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่ต้องโค่นล้ม​ให้ได้​ ฮ่องกงโมเดลจึงเกิดขึ้น​ หากฮ่องกงโมเดลสำเร็จ​ จะมีฐานทัพใหญ่จ่อคอหอยจีน​

ตั้งเป็นคำถามหรือข้อสงสัยโต ๆ นะ​ มีใครที่พลาดหวังจากฮ่องกง​ เลยหันมาเมืองไทย​ เหลือแต่ไทย​เพียงแห่งเดียวที่อาจจะสนองยุทธศาสตร์ของลัทธิครองความเป็นเจ้าในการปิดล้อมจีน​ ปิดทางออกลงใต้ของจีน

ความวุ่นวายทางการเมืองจึงเกิดขึ้นในไทย​ มีการประสานงานให้คนสองฝ่ายรู้จักกัน​ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในการชุมนุมประท้วง​ ปฏิบัติการทวงคืนประชาธิปไตยจึงต้องเกิดขึ้น​ในไทย เลียนแบบแฟลซม็อบของฮ่องกง​ นี่มันเกมที่ถูกปั่นให้เกิด​ เกมที่บีบบังคับไทยให้ยอมตามความต้องการของลัทธิครองความเป็นเจ้า​ โดยอาศัยตัณหาของนักการเมืองเป็นตัวเดิน​ ด้วยสารพัดข้อเรียกร้อง

เพื่อสนองผลประโยชน์ของต่างชาติ​ สถาบันอันเป็นเสาหลักถูกกล่าวหา​ ต้องล้มล้าง​ เพื่อเปิดทางให้คนอื่นเข้ามากอบโกย​ เหมือนเช่นผู้นำลิเบีย​ อิรัก​ อียิปต์ที่ถูกโค่นล้มเช่นนั้นหรือ​ คิดผิดคิดใหม่ได้

มันมีบางประเทศที่ดำเนินนโยบายการเมืองระหว่างประเทศผิดพลาด เพื่อนหายหมด”

ที่มา : Nantiwat Samart