นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “New World Order
(1) หลังเหตุการณ์เครื่องบินก่อการร้ายชนตึกเวิลด์เทรดเซนเตอร์ ในนครนิวยอร์คเมื่อ 11 เดือนกันยายน 2001 อภิมหาอำนาจได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ใหญ่ คือ การจัดระเบียบโลกใหม่ New World Order ใครไม่ใช่พวกถือว่าเป็นศัตรู และมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของโลกมีได้ประเทศเดียว และใช้ยุทธวิธีทางทหารโจมตีก่อนถามทีหลัง preemptive strike
ผู้นำประเทศใดที่ขัดขวางยุทธศาสตร์การครองโลกหรือผลประโยชน์ของนักเลงโตต้องถูกกำจัด และใน 10 กว่าปีที่ผ่านมา สหรัฐได้กำจัดผู้นำที่เข้มแข็งในหลายประเทศ เริ่มตั้งแต่อิรัก ลิเบีย อียิปต์และซีเรีย ซัดดัม กัดดาฟี มูบารัก จึงต้องถูกกำจัดด้วยเหตุจลาจลในประเทศ
ส่วนในเอเชีย จีนถือเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่ต้องโค่นล้มให้ได้ ฮ่องกงโมเดลจึงเกิดขึ้น หากฮ่องกงโมเดลสำเร็จ จะมีฐานทัพใหญ่จ่อคอหอยจีน
ตั้งเป็นคำถามหรือข้อสงสัยโต ๆ นะ มีใครที่พลาดหวังจากฮ่องกง เลยหันมาเมืองไทย เหลือแต่ไทยเพียงแห่งเดียวที่อาจจะสนองยุทธศาสตร์ของลัทธิครองความเป็นเจ้าในการปิดล้อมจีน ปิดทางออกลงใต้ของจีน
ความวุ่นวายทางการเมืองจึงเกิดขึ้นในไทย มีการประสานงานให้คนสองฝ่ายรู้จักกัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในการชุมนุมประท้วง ปฏิบัติการทวงคืนประชาธิปไตยจึงต้องเกิดขึ้นในไทย เลียนแบบแฟลซม็อบของฮ่องกง นี่มันเกมที่ถูกปั่นให้เกิด เกมที่บีบบังคับไทยให้ยอมตามความต้องการของลัทธิครองความเป็นเจ้า โดยอาศัยตัณหาของนักการเมืองเป็นตัวเดิน ด้วยสารพัดข้อเรียกร้อง
เพื่อสนองผลประโยชน์ของต่างชาติ สถาบันอันเป็นเสาหลักถูกกล่าวหา ต้องล้มล้าง เพื่อเปิดทางให้คนอื่นเข้ามากอบโกย เหมือนเช่นผู้นำลิเบีย อิรัก อียิปต์ที่ถูกโค่นล้มเช่นนั้นหรือ คิดผิดคิดใหม่ได้
มันมีบางประเทศที่ดำเนินนโยบายการเมืองระหว่างประเทศผิดพลาด เพื่อนหายหมด”
ที่มา : Nantiwat Samart